นักวิชาการ มข.ชี้ก้าวไกล นั่งประธานสภา และให้เพื่อไทยได้รองประธานสภา ถือว่าเหมาะสมแล้ว

นักวิชาการ มข.ชี้ก้าวไกล นั่งประธานสภา และให้เพื่อไทยได้รองประธานสภา ถือว่าเหมาะสมแล้ว





ad1

นักวิชาการ มข.ระบุ หากมีดีลการเมืองอื่นเกิดขึ้น เพื่อไทย อาจสะดุดขาตัวเอง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พร้อมระบุ ก้าวไกล นั่งประธานสภา และให้เพื่อไทยได้รองประธานสภา ถือว่าเหมาะสมแล้ว

รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด นักวิชาการ มข. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าระดับการรับรู้ทางการเมืองของคนสมัยนี้ค่อนข้างสูง พรรคการเมืองต้องมีคำอธิบายใหม่ๆที่เป็นที่ยอมรับได้ ซึ่งคำพูดของนายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สะท้อนถึงทัศนคติความคิดแบบเก่าๆและเป็นความคิดที่แคบที่เชื่อในเรื่องความเป็นอาวุโสและเชื่อว่าผู้อาวุโสเท่านั้นจะมีความสามารถ มีความรู้กำหนดความเป็นอยู่ของบ้านเมืองได้

"แต่ในโลกสมัยใหม่ไม่ได้วัดค่าของคนอยู่ที่ความอาวุโสแต่อยู่ที่ความรู้ ความสามารถ สังคมที่เชื่อในเรื่องความอาวุโสมันจะกดทับทำให้คนรุ่นหลังไม่มีโอกาสมีบทบาทมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศชาติได้ คนรุ่นหลังมีความรู้ มีการศึกษาดีจำนวนมากเพียงแต่ไม่มีโอกาส ดังนั้นทัศนคติแบบเก่าคือทัศนคติการอนุรักษ์นิยม มีผลในกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของไทยรวมทั้งมีผลในการยับยั้งในการพัฒนาประเทศชาติ"

รศ.ดร.พรอมรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า ถ้าเข้าไปโหวตกันในสภาผู้แทนราษฎรแบบฟรีโหวตจริงๆจะสุ่มเสี่ยง ที่ทำให้พรรคที่ได้คะแนนเยอะที่สุดคือพรรคก้าวไกลมีโอกาสพลาดท่าให้พรรคอันดับรองลงมาได้เพราะพรรครองมีประสบการณ์ในการเล่นเกมส์การเมืองมายาวนานอาจจะระดมความคิดเห็นจากพรรคอื่นๆ มาร่วมด้วย สมัยก่อนพรรคเพื่อไทยมีสมาชิกพรรคย้ายไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาจจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้

"การแพ้คะแนนเสียงแค่ 10 เสียง มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะพลิกกลับมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฏรได้ แต่ คนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยประมาณ 25 ล้านเสียง ทุกคนอยากให้ 2 พรรคจับมือกันให้ได้ เพื่อให้เกิดการบริหารประเทศเพราะคนต้องการการเปลี่ยนแปลงจากกลุ่มอำนาจเก่า

"ถ้ามาแย่งกันเองเพราะตำแหน่งนี้จะทำให้ประชาชนจำนวนมากผิดหวังและถ้าพรรคเพื่อไทยยังต้องการตำแหน่งประธานสภาฯ คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะอยู่ในจุดเสี่ยงเพราะอย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่ในพรรคการเมืองขาขึ้นเหมือนเมื่อก่อนการแพ้เลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯและเชียงใหม่ เป็นเขตในบ้านเกิดของเค้าเองเป็นเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงไม่ได้บอกถึงความเจริญแต่บอกถึงความเสื่อมของพรรคเพื่อไทย ถ้าวางตัวไม่ดีไม่เข้าใจกระแสของประชาชนประเมินความคิดของประชาชนต่ำเกินไปอาจจะแพ้การเลือกตั้งได้ในอนาคต"

รศ.ดร.พรอัมรินทร์  กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากที่ กกต. รับรอง ส.ส. หมดแล้วในทางการเมืองมีดีลอื่นๆแน่นอน ซึ่งใตการติดต่อนั้นจะลงตัวหรือไม่ลงตัว ถ้าลงตัวจะไปกันต่อได้ แบบมีผลประโยชน์ร่วมกันแต่ถ้าไม่ลงตัวก็จะไม่สามารถรวมกันได้ ดังนั้นในทางการเมืองมีดีลแน่นอนและคนที่ดีลจะเป็นคนที่มีอำนาจในพรรค ในธรรมเนียมปฏิบัติของการเมืองไทยจะให้โอกาสกับพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากกว่าชนะการเลือกตั้งเป็นประธานสภาฯ เพียงแต่ครั้งที่ผ่านมาเป็นข้อยกเว้นให้นายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาฯ แต่ถ้าสืบประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทั้งหมดพรรคที่ชนะการเลือกตั้งจะเป็นประธานมาตลอดครั้งนี้ควรจะให้พรรคก้าวไกลได้ลอง และควรให้พรรคเพื่อไทยเป็นรองประธานสภาฯ ทั้ง2 คน ซึ่งก็น่าจะลงตัว