เวนิสเก็บ "ภาษีเข้าเมือง" นทท.ไปเช้าเย็นกลับ หวังลดปัญหานทท.ล้น

เวนิสเก็บ "ภาษีเข้าเมือง" นทท.ไปเช้าเย็นกลับ หวังลดปัญหานทท.ล้น





Image
ad1

เมืองเวนิส เริ่มเก็บ "ภาษีเข้าเมือง" หรือค่าธรรมเนียมสำหรับนักท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับอีกครั้งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เริ่มมีผลวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง และเป็นภัยคุกคามต่อสถานะมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก 

การตัดสินใจประกาศมาตรการนี้ ส่งผลให้องค์การยูเนสโกจึงตัดสินใจไม่ขึ้นบัญชีเวนิสเป็นมรดกโลกที่ "ตกอยู่ในอันตราย" อย่างไรก็ตาม ฝ่ายต่อต้านมาตรการนี้มองว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าวไม่สามารถลดจำนวนผู้มาเยือนได้จริง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ ไม่ได้พักค้างคืนในเวนิสจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ระหว่าง 5 ถึง 10 ยูโร หรือประมาณ 200-400 บาท เพื่อเข้าเขตเมืองเก่า โดยหากจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน และดาวน์โหลด QR code จะจ่ายเพียง 5 ยูโร ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับโครงการนำร่องเมื่อปีที่แล้ว แต่หากไม่มีการลงทะเบียนล่วงหน้า จะต้องจ่าย 10 ยูโร ซึ่งในปีนี้ เมืองเวนิสจะเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว จำนวน 54 วัน เพิ่มขึ้นจาก 29 วัน ในปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่จะเป็นช่วง วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างวันที่ 18 เมษายน – 27 กรกฎาคม นอกจากนี้ยังมีการขยายช่วงวันเก็บค่าธรรมเนียมให้ครอบคลุม วันศุกร์และทั้งสัปดาห์ในช่วงเทศกาลใหญ่

ทั้งนี้ QR code ที่ดาวน์โหลดมา จะใช้ควบคุมตั้งแต่เวลา 8:30 น. ถึง 16:00 น. และจะมีการตรวจที่จุดผ่านเมือง เช่น สถานีรถไฟซานตา ลูเซีย , จุดรับส่งรถบัส เพียซซาเล โรมา และบริเวณ จัตุรัสเซนต์มาร์ก 

สำหรับในปี 2024 ที่เริ่มมีการใช้มาตรการนำร่องมีนักท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจ่ายค่าธรรมเนียมแล้ว 450,000 คน ทำให้เมืองเวนิส สามารถเก็บรายได้จากค่าธรรมเนียมได้ 2.4 ล้านยูโร ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานระบบทั้งหมด 2.7 ล้านยูโร ทำให้ขาดทุน ส่วนปีนี้เจ้าหน้าที่การคลังของเมือง คาดการณ์ว่า จะมีรายได้เกินดุลประมาณ 1-1.5 ล้านยูโร ซึ่งจะนำไปช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านบริการต่างๆ สำหรับชาวเมือง เช่น การจัดการขยะได้
โดยในปี 2025 มีผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้ามาเที่ยวในวันที่ 18 เมษายนนี้แล้ว 8,000 คน จากผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 77,000 คน