คนเลี้ยงวัวทั่วไทยโอดFTAพ่นพิษเนื้อวัวออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ตีตลาดยับ

คนเลี้ยงวัวทั่วไทยโอดFTAพ่นพิษเนื้อวัวออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ตีตลาดยับ





Image
ad1

เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวเนื้อทั่วไทย 1.4 ล้านครัวเรือน เดือดร้อนกันทั่วจนต้องเลิกเลี้ยงกันเพียบ นัดหมายส่งตัวแทนร้องผู้ว่าฯ 25 จังหวัด ชี้ FTA ส่งผลกระทบหนัก เนื้อออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ตีตลาดยับเยิน เสนอยกระดับตามแนวทาง “Thai Beef Model”

นายนเรศ รัศมีจันทร์ พร้อมกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในเชียงราย รวมตัวกันขอยื่นหนังสือต่อ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เพื่อขอให้ส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรี, รมว.พาณิชย์, รมว.เกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน

นายนเรศและกลุ่มผู้เลี้ยงโคระบุว่า ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในหลายพื้นที่ทั่วประเทศกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปิดเสรีการค้า หรือ FTA ระหว่างไทยกับประเทศคู่ค้า เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ทำให้มีการนำเข้าเนื้อโคและเครื่องในในราคาต่ำ ส่งผลกระทบต่อราคาโคเนื้อในประเทศอย่างชัดเจน จนเกษตรกรไทยประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องนำไปสู่การเลิกอาชีพในภาคเกษตรอย่างกว้างขวาง

ดังนั้นกลุ่มฯ จึงขอเสนอให้รัฐบาลปฏิรูประบบการผลิตและตลาดโคเนื้อของไทยภายใต้ชื่อ Thai Beef Model ที่เกิดจากการคิดค้นของภาคเกษตรกรและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเกษตร คือ ให้มีการจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อกำกับ ดูแล และพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อไทย, พัฒนาระบบฐานข้อมูลโคเนื้อแห่งชาติ, ยกระดับฟาร์มและโรงเชือดเข้าสู่มาตรฐานสากล, สนับสนุนการผลิตเนื้อคุณภาพ, และสร้างความเข้มแข็งของระบบตลาดทั้งภายใน และการส่งออก

ในการนี้ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงรายได้รับเรื่องไว้พร้อมรับจะนำส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกำชับให้ติดตามความคืบหน้าให้เกษตรกรด้วย ทำให้กลุ่มฯ แยกย้ายกันกลับ

นายนเรศกล่าวว่า ในช่วง 3-4 ปีมานี้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในประเทศไทยที่มีกว่า 1.4 ล้านครัวเรือนต้องประสบปัญหาอย่างหนัก จากการที่มีเนื้อจากต่างประเทศโดยเฉพาะออสเตรเลียซึ่งทำคุณภาพได้ดีและหลากหลายประเทศเข้ามาตีตลาดในประเทศไทย

ดังนั้น ในวันเดียวกันนี้กลุ่มฯ จากทั้ง 25 จังหวัดทั่วประเทศก็พากันไปยื่นข้อเสนอเดียวกันต่อแต่ละจังหวัดด้วย คือขอให้ใช้ Thai Beef Model เพราะมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลผลักดันในเรื่องนี้จะทำให้การเลี้ยงโคเนื้อทั่วประเทศฟื้นตัวได้ทั่วประเทศ หลังจากที่ในปัจจุบันเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อด้วยต้นทุนกิโลกรัมละ 80-90 บาท แต่พ่อค้าไปรับซื้อกิโลกรัมละเพียง 70 บาท

นายนเรศกล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญมากกว่าเรื่องราคาคือคุณภาพ เพราะสินค้าจากออสเตรเลียมีความหลากหลาย มีคุณภาพดี มีการเลี้ยงให้โคเนื้อน้ำหนักขึ้นวันละ 1.8-2 กิโลกรัม ขณะที่ของไทยในภาพรวมหากสามารถทำได้วันละ 1 กิโลกรัมก็ถือว่าดีมากแล้ว เป็นต้น อีกประการคือ เกษตรกรไทยจะต้องได้รับการพัฒนาจนสามารถป้อนสินค้าไปสู่ตลาดได้อย่างเพียงพอและหลากหลายด้วยบรรจุภัณฑ์รูปแบบต่างๆ ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีการพัฒนาตามรูปแบบ Thai Beef Model ดังกล่าวนั่นเอง