ตำรวจบุกจับยกแก๊งเวียดนามหนีหมายจับตุ๋นเพื่อนร่วมชาติกว่า 300 ล้านเหรียญ


ตำรวจสอบสวนกลางบุกรวบยกแก๊งผู้ต้องหาหมายแดงชาวเวียดนาม หลังก่อเหตุตุ๋นเพื่อนร่วมชาติ กว่า 300,000,000 เหรียญสหรัฐ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กิตติภพ ทองเพชร,พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย,พ.ต.ท.พัฒษพงศ์ เสณีแสนเสนา , พ.ต.ต.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ต.วิชิต ศรีทอง สว.กก.3 บก.ป.,ร.ต.อ.ดวง ขาวสะอาด,ร.ต.อ.เลอสันต์ พรมชื่น ร.ต.อ.ภณวริษ ทองประกาศิต รอง สว.กก.3 บก.ป.,พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม
1.นาง NGO สัญชาติ เวียดนาม อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับตำรวจสากล (INTERPOL) ที่ A2159/2- 2025 แนบท้ายหมายจับตำรวจนครบาลฮานอย ที่ 20647/QĐTN-CSHS ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2567ข้อหา "ไม่แจ้งความเกี่ยวกับการกระทำผิด (Misprision)"
2.นาย Ta สัญชาติ เวียดนาม อายุ 38 ปี ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”
3.นาย Trong สัญชาติ เวียดนาม อายุ 41 ปี ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”
สถานที่จับกุม ห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากทางการประเทศเวียดนามได้ประสานขอความร่วมมายังทางการไทย เพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการหลอกลวงร่วมลงทุนเทรดหุ้น ซึ่งได้ก่อเหตุหลอกลวงชาวเวียดนามให้ร่วมลงทุน โดยมีพฤติการณ์เปิดเว็บไซต์โฆษณาเชิญชวนให้คนลงทะเบียนลงทุนเทรดหุ้นผ่านแพลตฟอร์มซื้อขาย Forex (ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ) หรือ คริปโต โดยมีผลตอบแทนสูงผิดปกติ เช่น 20%-30% ต่อเดือนและโอนเงินเข้ามาในบัญชีผ่านทางช่องทางที่กำหนด วิธีการโฆษณาเชิญชวนจะใช้ใช้บุคคลสาธารณะ-อินฟลูเอนเซอร์ชาวเวียดนาม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดความสนใจ มีการจัดการสัมนาเชิญชวนผู้คนเข้าร่วมฟังแผนการลงทุน
โดยอ้างว่าไม่มีความเสี่ยง มีการคืนทุนเร็ว และสามารถหาคนมาร่วมเพิ่มเพื่อรับ “ค่าคอมมิชชัน” เหมือนแชร์ลูกโซ่ เมื่อมีผู้หลงเชื่อก็จะดำเนินการผ่านธุรกรรมลักษณะเหมือนตลาดหุ้น (Stock Market) ซึ่งมีรูปแบบหลอกลวงคือให้เหยื่อเทรดหุ้นด้วยเงินจำนวนน้อยก่อนถอนเงินได้จริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่น จากนั้นค่อยๆ ชักชวนให้ลงทุนเพิ่มขึ้น โดยใช้โครงสร้างการปันผลกำไรแบบเกินจริงเข้าล่อใจเหยื่อเมื่อเหยื่อหลงเชื่อและลงทุนเป็นเงินจำนวนที่มากขึ้น กลุ่มขบวนการดังกล่าวจะตัดขาดการติดต่อกับเหยื่อทันที ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้มีชาวเวียดนามเสียหายกว่า 2,600 ราย มีมูลค่าความเสียหายกว่า 300,000,000 เหรียญสหรัฐ
กลุ่มขบวนการดังกล่าวมีแกนนำชาวตุรกีร่วมกับแกนนำชาวเวียดนามอีก 35 คน มีลักษณะการกระทำความผิดในรูปแบบองค์กร มีการวางแผนแบ่งหน้าที่การทำอย่างชัดเจนมีเป้าหมายหลักเป็นคนเวียดนาม และมีการตั้งที่ทำการศูนย์ปฏิบัติการในการหลอกลวงทั่วประเทศเวียดนาม จำนวน 44 ศูนย์ปฏิบัติการ มีพนักงานกว่า 1,000 คน ทั่วทั้งในกรุงฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ ดานัง หอยอันและเมืองสำคัญอื่นๆ นอกจากนี้ยังปฏิบัติการในประเทศ เช่นในกรุงพนมเปญประเทศกัมพูชา อีกด้วย
ซึ่งทางตำรวจนครบาลเวียดนาม ทำการสืบสวนทราบว่า นาง NGO หนึ่งในกลุ่มขบวนการคนสำคัญ ซึ่งถูกตำรวจนครบาลฮานอยออกหมาย ที่ 20647/QĐTN-CSHS ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2567ข้อหา "ไม่แจ้งความเกี่ยวกับการกระทำผิด (Misprision)" และได้ประสานตำรวจสากล (INTERPOL) ให้ออกหมายประกาศสืบจับที่ A2159/2- 2025 นั้น ปัจจุบันได้หลบหนีเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย จึงได้ประสานขอความร่วมมือมายังสถานทูตไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมดังกล่าว
ต่อมากองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมนาง NGO เพื่อส่งตัวให้ทางการเวียดนามนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมทั้งดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยของนาง NGO ทำให้ไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 3 ฯ และชุดสืบสวนตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้สืบสวนทราบว่านาง NGO หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ โรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร จึงได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบห้องพักดังกล่าว จากการเข้าตรวจสอบพบนาง NGO พักอาศัยอยู่ภายในห้องดังกล่าวจริง
และพบชายชาวเวียดนาม จำนวน 2 ราย คือ 1.นาย Ta และ 2.นาย Trong อยู่ภายในห้องดังกล่าวด้วย ซึ่งทั้งสองคนอ้างว่าเป็นคนคุ้มกัน (Bodyguard) ประจำตัวนาง NGO จากการตรวจสอบนาย Ta และ นาย Trong พบว่าไม่ได้ขออนุญาตพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยตามกฎหมาย จึงจับกุมตัวทั้งสองคนส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนาง NGO จากการสอบสวนรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุจริง โดยทรัพย์สินที่ได้จากการหลอกลวงดังกล่าว หัวหน้าขบวนการจะเป็นบริหารส่วนตนได้ผลประโยชน์เป็นส่วนแบ่ง
โดยได้นำไปฟอกเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศเวียดนาม ส่วนเงินที่ตนใช้จ่ายในประเทศไทย ตนจะให้คนของตนโอนเงินจากบัญชีม้าที่ประเทศเวียดนาม โอนเข้ามายังบัญชีกลุ่มคนเวียดนามในประเทศไทยเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดไทย แล้วนำมามอบให้ตนครั้งละประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของทางการไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัวนาง NGO มาทำการสอบสวนละเอียดและนำเข้าสู่กระบวนการส่งมอบตัวให้กับทางการเวียดนามเพื่อดำเนินการตามขั้นทางกฎหมายต่อไป