คยปท.ระบุ ยางเป็น “ยุทธปัจจัย”ส่งครามตะวันออกดันยางพาราราคาขยับ


คยปท.ระบุ ยางเป็น “ยุทธปัจจัย” ระบุ สถานการณ์ความมั่นคง-สงคราม กลุ่มตะวันตกมีนโยบายเพิ่มงบประมาณความมั่นคง การทหาร อานิสงส์ “ยาง” ต้องการใช้ปริมาณมาก ไทยเบอร์ 1 ยางโลก สร้าง “แก้มลิง” สะสมยางเก็บเข้าสต๊อกยามราคาผันผวนตกต่ำ
เจ้าของสวนยางหมู่ 3 บ้านด่านโลด ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า จากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนมีฝนมากกว่าแล้ง ที่ได้ส่งกระทบต่อการประกอบอาชีพสวนยางไม่สามารถกรีดยางได้ตามปกติ โดยบางช่วงฝนตก 3 วัน เว้น 1 วัน ก็จะประกอบอาชีพกรีดยางได้ 1 วันเป็นรายได้ เป็นต้น และจะเป็นไปสภาพนี้มากกว่าตลอดมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้เกือบเข้าเดือนที่ 6 ของปี 2568
“ที่ผ่านมาบางโซนใน อ.ตะโหมด กรีดยางได้ประมาณ 4 วัน ในรอบ 1 เดือน ส่วนราคามาขณะนี้ก็เคลื่อนไหวที่ราคากว่า 50 บาท จากราคาบางลานรับซื้อและบางพื้นที่ ซึ่งจากเดิมที่เคลื่อนไหวที่กว่าราคา 60 บาท / กก.”
นายทศพล ขวัญรอด เจ้าของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจบ้านพอเพียง - โคก หนอง นา และประธานเครือข่ายชาวสวนยางและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (คยปท.) เปิดเผยว่า ภาวะยางในปี 2568 ในระยะครึ่งปีแรกมีปริมาณผลผลิตน้อยเพราะจากสภาพภูมิอากาศที่ผันผวนไม่สามารถประกอบอาชีพ และตลอดถึงราคาก็ผันผวนที่ต่ำลงจากสถานการณ์เศรษฐกิจ ฯลฯ ของโลกที่ไม่แน่นอน
“เพราะความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัยผู้ประกอบการส่วนต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ยางจึงเกิดความกังวลขาดความเชื่อมั่น จึงได้ส่งผลกระทบจ่อราคายางตามไปด้วย”
นายทศพล กล่าวถึงแนวทางป้องกันราคาผันผวน โดยมีแนวทางมากที่ทาง คยปท.นำเสนอมา เช่น การนำยางมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใช้ภายในประเทศทางด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ฯลฯ และที่สำคัญสำหรับเจ้าของสวนยาง ซึ่งภาพรวมใหญ่ทั้งประเทศจะเป็นเจ้าของสวนขนาดรายเล็กรายย่อย ควรพิจารณาอย่างจริงจังในการทำพืชเชิงซ้อนโดยสวนยางทำการเกษตร ปศุสัตว์ ประมงด้วย มีการปลูกพืชกินได้ เลี้ยงโค แพะ ไก่ และเลี้ยงปลา ทั้ง 3 ส่วน เกษตร ปศุสัตว์ ประมง จะพยุงกันยามภาวะราคายางตกต่ำ มีโค แพะ ปลา พืชผักมาค้ำจุนหนุนให้อยูได้
“ความชัดชันเจนคือดูเป็นตัวอย่างที่ศูนย์เรียนบ้านพอเพียง โคก หนองนา” นายทศพล กล่าว
นายทศพล กล่าวอีกว่า ยางอย่าโค่นทิ้งที่เหลืออยู่แล้วเข้าสู่การทำพืชเชิงซ้อน ซึ่งยังมีอนาคตที่ดีเพราะยางเป็นปัจจัยสำคัญหลัก ๆ ทุกคนทุกประเทศจะต้องใช้ เและขณะนี้สถานการณ์โลกหลายจุดดอยู่ระหว่างสงครามยังไม่ยุติและหลายประเทศมีนโยบายเพิ่มงบประมาณทางด้านความมั่นคงด้านการทหารอย่างขนานใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มชาติตะวันตก
เพราะทางด้านความมั่งคงทางด้านการทหาร จะต้องใช้ยางปริมาณ ยางเป็นยุทธปัจจัยประกอบกับกับยานพาหนะทางด้านการทหารเช่น รถยนต์ รถลำเลียง ฐานขีปนาวุธ ฯลฯย้อนอดีตหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เสร็จสิ้นสงครามต้องมีการฟื้นฟูประเทศฟื้นทางด้านความมั่นคง ทางด้านการทหารส่งผลให้ยางขณะนั้นราคาสูงขึ้น 25 บาท / กก. โดยในขณะนั้นไทยยังใช้เงินเหรียญสลึง และราคาข้าว 800 บาท / ตัน และหลังจากปี 2484 จึงมีการขยายการลงทุนปลูกยางกันมาก
ตั้งแต่นั้นมา
นายทศพล กล่าวอีกว่า ประเมินว่าการที่กลุ่มชาติตะวันตกที่มีนโยบายเพิ่มงบประมาณทางด้านความมั่นคงและการทหารอย่างขนานใหญ่ จึงจะต้องใช้ยางเป็นส่วนประกอบปริมาณมากทางด้านอุตสาหกรรมการทหาร
“แนวโน้มยางจึงมีทิศทางที่ดี จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้น แต่ในในขณะที่ต้นยางก็มีปริมาณที่ลดลง ดังนั้นไทยควรจะต้องเอาไว้ที่ยังเหลืออยู่ แต่ก็ทำเป็นสวนพืชเชิงซ้อนเพื่อความสมดุล และสวนยางจะต้องมีสายพันธุ์ที่มีคุณภาพที่จะต้องเพิ่มปริมาณน้ำยางได้เพิ่มมากขึ้น”
นายทศพล กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะรัฐบาลจะต้องมีกองทุน และตั้งแก้มลิงเพื่อเก็บสต๊อกยางสะสมไว้ ซึ่งจะซื้อเก็บไว้ยามกลไกการตลาดทำราคาผันผวนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แล้วจะออกขายยางเมื่อได้ราคาที่ไม่ขาดทุนและมีกำไร ยางยังมีความต้องการ
นายทศพล กล่าวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์เรื่องกลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มพืชผลการเกษตรทุเรียน มังคุด ยาง ปาล์มน้ำมัน โค สุกร ไก่ แพะ ไม่ปกติซึ่งจะมีการจัดเวทีเสวนาร่วมกัน โดยจะมีเครือข่ายกลุ่มอาชีพเข้าร่วม พร้อมกับประกาศเจตนารมณ์ ถึงรัฐบาล โดยจะจัดเวทีเสวนาขึ้นในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ส่วนพื้นที่อยู่ระหว่างหารือเครือข่ายให้ตกผลึกว่าจะจัดเวทีที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช แห่งหนึ่งแห่งใด
“ในการจัดเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล และดูท่าทีรัฐบาลต่อไปว่าจะดำเนินการทิศทางใด แลเครือข่ายอาจจะถึงผนึกเครือข่ายถึงขับไล่รัฐบาลก็ได้”