ศรีสะเกษอบรมเสริมทักษะคิดการเอาชีวิตรอดบนท้องถนนเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย


จังหวัดศรีสะเกษร่วมกับโรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคมเสริมทักษะคิดการเอาชีวิตรอดบนท้องถนนเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้กับกลุ่มเสี่ยง
สุริยา บุตรจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
วันนี้ (23 มิ.ย.68) ที่ห้องประชุมพิกุลทอง โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม อำเภอห้วยทับทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ นายสุริยา บุตรจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นประธานเปิดการอบรมการให้ความรู้ " ทักษะคิดการเอาชีวิตรอดบนท้องถนน" เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน รุ่นที่ 1 ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับโรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคมจัดขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยทางถนน
รวมถึงการลดอัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร อุบัติเหตุทางถนนถือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ จากข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในรอบ ๓ ปี คือ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๗ มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงถึง ๕๒,๑๗๖ ราย โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง ๕ - ๒๔ ปี ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศศต่อไปในอนาคต สูงถึง ๕๑,๒๒๔ ราย
สาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด การดื่มแล้วขับ และการขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ นายพีระพงศ์ หมื่นผ่อง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าว สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสรีสะเกษ ได้ขอรับงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน มาจัดอบรมการให้ความรู้ " ทักษะคิดการเอาชีวิตรอดบนท้องถนน" เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน จำนวน ๒๒ รุ่น ๒๒ อำเภอ
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา รุ่นละ ๑๐๐ คน รวมทั้งสิ้น ๒๒๐๐ คน เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้มีความรู้ มีทักษะคิดการเอาชีวิตรอดบนท้องถนน เกิดความตระหนัก เป็นตัวอย่างที่ดี มีวินัยและปฏิบัติตามกฎจราจรในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง โดยเฉพาะความตระหนักในการใช้อุปกรณ์นิรภัย เป็นต้นว่า การสวมใส่หมวกนิรภัย การคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อมีการใช้รถทุกประเภท เพื่อลดปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญของชาติในอนาคต
เสนาะ วรรักษ์/รายงาน