กว่า 100 ชีวิตรำบวงสรวงรำลึกบุญคุณเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

กว่า 100 ชีวิตรำบวงสรวงรำลึกบุญคุณเจ้าพระยาอภัยภูเบศร





Image
ad1

ปราจีนบุรี – ผอ.โรงพยาบาลนำขบวนรำร่วม 100ชีวิต -บวงสรวงรำลึกบุญคุณเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม)อดีต ผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบองและสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพาคนสุดท้ายของไทยที่กัมพูชา   เปิดงาน 84 ปี โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร     

เมื่อวันที่  24 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี  (เพิ่มเติม )    ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 84 ปีแห่งการสถาปนาอย่างยิ่งใหญ่ โดยในช่วงเช้า มีพิธีทำบุญตักบาตร บวงสรวง และ รำถวายแด่ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ใช้ขบวนนางรำคณะกลองยาวเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์-พยาบาล พนักงานทั้งหมดของโรงพยาบาลฯ นับ 100 คน นำโดย พญ.ชนิดา สยุมภูรุจินันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นหัวหน้านางรำถวาย-บวงสรวงด้วยเอง  เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณท่าน  ที่ทำให้มีโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรในวันนี้ ณ ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

จากนั้นได้มีพิธีเปิดการประชุมวิชาการการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ครั้งที่ 2 ควบคู่กับ “มหกรรมคุณภาพโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” โดยมีนางจารณี  กาวิล รอง ผวจ.ปราจีนบุรีกล่าวต้อนรับ  ดร.นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมอาคารสารสกัดสมุนไพรด้วย

ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร  เป็นผู้สร้างตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร  ความรักชาติ รักแผ่นดินของท่านเป็นแรงบันดาลใจในการริเริ่มการพัฒนายาจากสมุนไพรให้กับประเทศไทย จนมีผลิตภัณฑ์สมุนไพรในวันนี้ โดยได้ใช้โลโก้เป็นตึกเจ้าพระเจ้าพระยาอภัยภูเบศรอันเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับลัทธิล่าอาณานิคม ซึ่งเหมือนกับการต่อสู้ของยาจากสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเองของไทยกับยาฝรั่ง ที่เราพึ่งตนเองไม่ได้เลย ในโอกาสครบรอบ 84 ปี ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร นี้ เราขอน้อมรำลึกถึงท่านและจะมุ่งมั่นให้มียาจากสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเองต่อไป

และกล่าวต่อไปว่า   ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร  ก่อตั้งขึ้น ในปี พ.ศ. 2452 โดยท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ผู้ที่มีความกตัญญูต่อแผ่นดิน ซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เป็นยิ่งนัก  ทั้งนี้ภายหลังจากท่านได้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะเสด็จประพาสเมืองปราจีนบุรี ในปี พ.ศ. 2451 ก่อนหน้านั้นยังไม่มีที่ประทับ  จึงได้สร้างตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ด้วยต้องการให้เพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   มีสถานที่ประทับแรมแรมอย่างสมพระเกียรติหากพระองค์เสด็จปราจีนบุรีอีกครั้ง

ประวัติเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม) เป็นเจ้าเมืองพระตะบองคนสุดท้าย ท่านเลือกที่จะทิ้งเมืองพระตะบองอันเป็นบ้านเกิดเดินทางมายังปราจีนบุรีเมื่อปี พ.ศ.2450 เมื่อไทยต้องยกเมืองพระตะบองให้กับฝรั่งเศสเพื่อแลกเอาเมืองตราดกลับมาสมัยลัทธิล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส

ในวันที่ 23 มีนาคม 2449 (ยึดปี พ.ศ. ตามปฏิทินไทยในขณะนั้น ที่กำหนดเอาวันที่ 1 เมษายน เป็นวันเปลี่ยน พ.ศ. ใหม่) สยามก็ต้องลงนามใน “หนังสือสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับเปรสิเดนต์แห่งรีปับลิคฝรั่งเศส” ซึ่งทำกันที่กรุงเทพฯ  ยกมณฑลบูรพา อันได้แก่ พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ  ซึ่งเป็นดินแดนที่ขึ้นตรงต่อสยามมาแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ให้แก่ฝรั่งเศส  แลกกับดินแดน ของเมืองตราดและเกาะต่าง ๆ ในเขตสยามคืน

ก่อนหน้า  ประเทศไทยเสียดินแดนให้จักวรรดินิยมในสมัยล่าอาณานิคม 13 ครั้ง(ไม่รวมเขาพระวิหาร) ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12 เป็นครั้งเดียวของการเสียดินแดนที่เจ้าเมือสมัครใจที่จะกลับคืนสู่พระราชอาณาจักรแบบชนิดที่เรียกว่าตายเป็นตาย ไม่ขอเป็นข้าแก่ผู้ใด

เจ้าพระยาคทาธรฯ  ถึงเมืองปราจีนบุรี ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2450  ปลายปีที่อพยพกลับสยาม  พระยาคทาธรธรณินทร์ (ชุ่ม) ผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบองและสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพาคนสุดท้าย    ก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาอภัยภูเบศร บรมนเรศร์สวามิภักดิ์ สมบูรณ์ศักดิ์สุกุลพันธ์ ยุติธรรม์สุรภาพอัธยาศรัยอภัยพิริยบรากรมพาหุ    

อนึ่ง ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรหลังนี้เคยเป็นหอผู้ป่วยหลังแรกของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปัจจุบันตึกหลังนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดปราจีนบุรีที่ทรงคุณค่าทั้งความงดงามด้านสถาปัตยกรรมและคุณค่าทางประวัติศาสตร์   ภญ.ดร.สุภาภรณ์กล่าวในที่สุด

###  มานิตย์ สนับบุญ – ข่าว / ณัฐนันท์ – ภาพ / ปราจีนบุรี  ###