"แบงค์ชาติ" สื่อสารผ่านสื่อ จชต.ผุดระยะ 2 “คุณสู้ เราช่วย" โอบอุ้มลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง "ให้รอด" ภายใต้ 3 มาตรการใหม่รองรับ!


“คุณสู้ เราช่วย" ผุดระยะที่ 2 โอบอุ้มลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง รายย่อย - SMEs ภายใต้ 3 มาตรการใหม่รองรับ! ลุ้น ครม.เคาะ "ผู้ว่าแบงค์ชาติป้ายแดง" สัปดาห์หน้า รับมือ "ภาษีทรัมป์"
ประเด็นร้อนแรงด้านเศรษฐกิจทั่วโลกขณะนี้ เป็นผลพวงมาจาก "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าในสหรัฐฯทุกประเภทกับประเทศที่ได้ดุลการค้า จำนวน 14 ประเทศ สูงลิ่ว สร้างความตกตะลึงและสะเทือนไปทั่วโลก และจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.68 ทั้งนี้ในโซนประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา โดนไป 49 %, ลาว 48 %, เวียดนาม 46 %, เมียนมา 44 %, อินโดนีเซีย 32 %, มาเลเซีย 24 %, ฟิลิปปินส์ 17 %, สิงคโปร์ 10 % และไทย 37 % เกินความคาดหมาย จากความเชื่อของ "ทรัมป์" ที่ว่าภาษีศุลกากร เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมิน! 14 ประเทศจะสามารถรองรับภาษีที่สูงลิ่วได้หรือไม่! ที่แน่ๆคือ "น้ำมัน" จ่อปรับราคาสูงขึ้น อีกทั้งยังสะเทือนถึงระบบเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ "แบงค์ชาติ" ได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมปรับนโยบายเพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ เช่น ผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว หรือทรุดตัว ทั้งนี้ ค่า GDP จะเป็นตัวชี้วัดมูลค่ารวมของสินค้าและบริการ หากติดลบ บ่งบอกถึงสัญญาณอันตราย!
โดย "แบงค์ชาติ" สำนักงานภาคใต้ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ก่อนหน้านี้ เพื่อสื่อสารทางตรงกับสื่อมวลชนในพื้นที่ สร้างการรับรู้โครงการของ ธปท.ไปสู่ประชาชนในพื้นที่ให้ครอบคลุม ถึงมาตรการชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้ธุรกิจ SMEs ภายใต้โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ระยะที่ 2 สามารถลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 30 ก.ย.68 (ระยะที่ 1 ยังคงลงทะเบียนได้) ทั้งนี้จากข้อมูล (15 มิ.ย.68) พบว่า ลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ ได้ลงทะเบียนแล้ว 6.3 แสนราย (คิดเป็นร้อยละ 32 ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ 1.9 ล้านราย) อีกทั้งยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ บางส่วนสนใจแต่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
สำหรับระยะที่ 2 ของโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ได้ปรับปรุงเงื่อนไขตามมาตรการเดิมและมาตรการใหม่ ดังนี้
- มาตรการที่ 1 "จ่ายตรง คงทรัพย์" ขยายคุณสมบัติลูกหนี้ให้ ครอบคลุมอีก 2 กลุ่ม คือ 1). ลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 365 วัน และ 2). ลูกหนี้ที่เคยค้างชำระ 1-30 วัน และเคยปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.65 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้รักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน, รถและสถานประกอบการไว้ได้
- มาตรการที่ 2 "จ่าย ปิด จบ" ขยายเพดานภาระหนี้คงค้าง (เงินต้น+ ดอกเบี้ย) ของลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (NPL) โดย 1).สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล, บัตรเครดิต ขยายเพดานฯ เป็นไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และ
2).สินเชื่อที่มีหลักประกัน และมีวงเงินสินเชื่อไม่เกินกว่าที่กำหนด (วงเงินสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อ SMEs, รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 5,000,000 บาท, 800,000 บาท, และ 50,000 บาทต่อบัญชี ตามลำดับ) ขยายเพดานเป็นไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี เพื่อให้ลูกหนี้สามารถเปลี่ยนสถานะจาก "หนี้ เสีย" เป็น "ปิดจบหนี้"
- มาตรการที่ 3 "จ่าย ตัด ต้น" เป็นมาตรการใหม่สำหรับหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ที่มียอดหนี้คงค้างไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี และเป็นหนี้เสีย (NPL) ได้ปรับโครงสร้างหนี้ให้ผ่อนชำระคืนเป็นงวด โดยซ่าระ 2% ของเงินต้นคงค้าง ภายใน 3 ปี ค่างวดที่ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน ส่วนดอกเบี้ยพักแขวนไว้ โดยมีกรณียกเว้นหากลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดได้
สำหรับลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย" ได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 30 ก.ย.68 หรือสอบถามที่สาขา/Call Center ของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ หรือสายด่วน "แบงค์ชาติ" โทร.1213
- ลุ้น ครม.เคาะ "ผู้ว่าแบงค์ชาติป้ายแดง" สัปดาห์หน้า รับมือโจทย์หิน "ภาษีทรัมป์"
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ "แบงก์ชาติ" ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาพการเงินของประเทศ กำหนดนโยบายการเงิน และกำกับดูแลสถาบันการเงินต่างๆ เตรียมออกมาตรการรองรับสนับสนุนการรวมหนี้, ดูแลเรื่องธนบัตรหมุนเวียน และเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการขึ้นภาษี ซึ่ง "แบงค์ชาติ" เองกำลังลุ้น 2 แคนดิเดต ผู้ว่าการฯ คนใหม่ ที่จะรับไม้ต่อและศึกหนักแทน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ไหวหรือไม่?
โดย....แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส