ตามรวบ “ชาติ โพธาราม” หนีคดีซิ่งกระบะพุ่งฝ่าวงล้อมชนจนท. 2 นาย

ตามรวบ “ชาติ โพธาราม” หนีคดีซิ่งกระบะพุ่งฝ่าวงล้อมชนจนท. 2 นาย





Image
ad1

“หนีไม่พ้น!ตำรวจสอบสวนกลางตามจับกุม ‘ชาติ โพธาราม’ ซิ่งรถชนตำรวจกองปราบหวังหนีคดี ก่อนซ่อนตัวบ้านลูก สุดท้ายไม่รอด หนุมานรวบคาบ้าน”

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนุมาน กก.สนับสนุน บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายนพณัชฯ อายุ 58 ปี บุคคลตามหมายจับ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 432/2568 ลงวันที่ 1 ส.ค.2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และทำให้เสียทรัพย์”โดยสถานที่จับกุม บ้านเลขแห่งหนึ่ง ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 

พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุเมื่อปี 2565 ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดนายนพณัฐฯ กับพวกได้ร่วมกันลักลอบขนบุคคลต่างด้าวเข้ามาในประเทศ โดยการใช้รถยนต์ซุกซ่อนบุคคลต่างด้าว เมื่อนายนพณัฐฯ ขับรถยนต์มาถึงบริเวณจุดตรวจจุดสกัดดังกล่าวปรากฎว่านายนพณัฐฯ ได้ขับรถยนต์ฝ่าจุดตรวจจุดสกัด และสามารถหลบหนีไปได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้จับกุมบุคคลต่างด้าว ซึ่งได้ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย จำนวนประมาณ 20 คน จึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ นายนพณัชฯ พร้อมพวก ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางปลาม้า ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับนายนพณัชฯ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเมื่อปี 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายนพณัชฯ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายนพณัชฯ ฝากขังต่อศาล แต่ปรากฎว่านายนพณัชฯ ไม่ไปตามกำหนดนัดของศาล ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ออกหมายจับนายนพณัชฯ ตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 264/2566  ในความผิดฐาน “พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง” เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายนพณัชฯ ได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าทำการจับกุม จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ไปซุ่มอยู่บริเวณหน้าบ้านพักของนายนพณัชฯ เมื่อนายนพณัชฯ กลับมาถึงหน้าบริเวณบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจะทำการจับกุม เมื่อนายนพณัชฯ เห็นดังนั้น จึงได้ขับรถยนต์กระบะของตนเข้าพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม และสามารถหลบหนีไปได้ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ได้รับความเสียหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายนพณัชฯ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ 

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงได้ออกหมายจับนายนพณัชฯ ตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 432/2568 ลงวันที่ 1 ส.ค.2568 ในความผิดฐาน “พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และทำให้เสียทรัพย์” หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันทำการสืบสวนจนทราบว่านายนพณัชฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และทราบว่าได้ซุกซ่อนตัวอยู่ที่สถานที่จับกุม ซึ่งเป็นบ้านเช่าของบุตรชาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาล เพื่อตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว เนื่องจากนายนพณัชฯ มีพฤติการณ์หลบหนีการจับกุมมาแล้วจำนวนหลายครั้ง

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนุมาน กก.สนับสนุน บก.ป. ได้ร่วมกันวางแผนเข้าตรวจค้นจับกุม และเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นจึงได้ร่วมกันทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว โดยผลการตรวจค้นพบตัวนายนพณัชฯ ซึ่งได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันจับกุมตัวเอาไว้ได้  

หลังการตรวจค้นเสร็จสิ้น จึงได้สอบถามนายนพณัฐฯ เกี่ยวกับรถยนต์กระบะคันที่ได้ใช้ก่อเหตุ ยนายนพณัฐฯ รับว่าได้นำไปจอดไว้ที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อทำการซ่อมแซมและเปลี่ยนสีแปลงสภาพ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะคันดังกล่าว จากนั้นจึงได้นำตัวนายนพณัฐฯ และรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวน
สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป