SCB EIC วิเคราะห์อุตฯยางพาราปี 68 หด เจอปัจจัยลบศก.โลก

SCB EIC วิเคราะห์อุตฯยางพาราปี 68 หด เจอปัจจัยลบศก.โลก





Image
ad1

SCB EIC คาดว่ารายได้อุตสาหกรรมยางพาราปี 2025 มีแนวโน้มหดตัว โดยมีปัจจัยลบจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอตัวและปริมาณผลผลิตยางพาราในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2025 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 23.3 % ตามราคายางส่งออกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 24%

SCB EIC คาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกโดยรวมปี 2025 จะหดตัว 3.8 มาอยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากในช่วง7 เดือนที่เหลือของปี ราคาส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก เนื่องจากภาวการณ์ขาดดุล หรือภาวะการผลิตน้อยกว่าความต้องการในตลาดยางพาราโลกมีแนวโน้มการเติบโตชะลอตัว ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ดร.เกียรติศักดิ์ คำสี    ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ( SCB EIC) 

ผลพวงจากมาตรการภาษีตอบโต้ของทรัมป์ โดยเฉพาะสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ใช้ยางรถยนต์ที่สำคัญของโลก โดยSCB EIC คาดว่า GDP ของสหรัฐขยายตัวเพียง1.5 % ในปี 2025 จากที่เคยขยายตัว 2.8 % เมื่อปี 2024 ซึ่ง GDP ที่เติบโตชะลอ ทำให้ความต้องการใช้ยางล้อรถยนต์ในสหรัฐเติบโตลดลงไปด้วย แต่ปริมาณผลผลิตยางพาราโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดี จากปัจจัยภัยแล้งที่คลี่คลายและโรคระบาดในพืชลดลง โดยเฉพาะในไทย

นอกจากนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันโลกที่มีแนวโน้มลดลงในปี 2025 ยังเป็นปัจจัยกดดันให้การส่งออกยางพาราปรับตัวลดลง ซึ่งจากข้อมูลการยางแห่งประเทศไทย พบว่าในเดือนมิถุนายน ราคาการส่งออกยางพาราลดลง 11.2 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในปีนี้ ในขณะที่ราคาส่งออกน้ำยางข้นและยางแผ่นรมควันปรับตัวลดลง 23.0 %

SCB EIC คาดว่าราคาการส่งออกยางพาราเฉลี่ยปี 2025 จะอยู่ที่ 1,737 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สำหรับปริมาณการส่งออกยางพาราในปีนี้ คาดว่าน่าจะลดลง 1.8 % มาอยู่ที่ 2.8 ล้านตัน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มเติบโตชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการการใช้ผลิตภัณฑ์ยาง โดยเฉพาะยางล้อรถยนต์ มีแนวโน้มเติบโตที่ต่ำ โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการส่งออกปรับตัวลดลง 1.5 %

ซึ่งปริมาณการส่งออกที่ลดลง จะทำให้กำไรโดยรวมของอุตสาหกรรมยางพาราแปรรูปลดลงตามไปด้วย เนื่องจากผู้ประกอบการมีกลยุทธ์การตั้งราคาแบบบวกจากต้นทุน

โดย... ดร.เกียรติศักดิ์ คำสี ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ( SCB EIC)