“สฤษฏ์พงษ์” แนะสำนักงบฯ ปรับโครงสร้างใหม่อปท. ควรจัดสรรให้เท่าเทียม ระวังขัดมาตรา 144


การประชุมสภาฯล่าสุด วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระสอง นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกระบี่ พรรคภูมิใจไทย อภิปราย มาตรา 20 ของกระทรวงมหาดไทย โดยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าองค์การบริหารส่วนตําบล เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฐานราก(อปท.)ของประเทศ แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ภัยธรรมชาติ โรคระบาด ภัยสงคราม ฯลฯ จะเห็นได้ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ด่านหน้า แต่เวลาจัดสรรงบประมาณกลับไม่ได้ให้ความสําคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเลย อย่างไรก็ตามคิดว่าโครงสร้างในส่วนของการจัดสรรงบประมาณของสํานักงบประมาณ น่าจะมีปัญหาในรูปแบบ น่าจะปรับโครงสร้างใหม่
นายสฤษฏ์พงษ์ มีความเป็นห่วงว่า การจัดสรรอํานาจในส่วนของ อปท. ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 ในมาตรา 144 ที่กรรมาธิการบอกว่า การจัดสรรงบประมาณไม่เป็นธรรม เป็นการเหลื่อมล้ำ ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้วเห็นว่าเป็นจริงทุกประเด็น ตนไม่ได้อยากเห็น อปท. ต้องมาขอเศษเงินเป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ถ้าทําโครงสร้างใหม่ขยายฐานรายได้ให้ อปท. โดยยกตัวอย่างกรณีอ่าวนาง ที่ภูเก็ตก็มาทิ้งขยะ แต่ว่าเวลามีงบประมาณ ก็ไม่ให้ แล้วจะให้เขาทําอย่างไร เวลาท่านไปเที่ยวท่านก็ไปด่าเขา
นายสฤษฏ์พงษ์ ได้ซักถามถึงกรรมาธิการว่า พฤติกรรมตามที่ กมธ. ได้พูดมาหลายท่าน เข้าข่ายหมิ่นเหม่ในการผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 หรือไม่ ในกรณีของ อปท. เป็นหน่วยรับงบประมาณโดยตรง ตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.วิธีงบประมาณ 2560 แต่สํานักงบประมาณยังไม่พร้อม จึงให้รับทางอ้อมโดยผ่านกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งที่จริงแล้ว อบจ. เทศบาล องค์กรรูปแบบพิเศษอย่าง กทม. พัทยา มีการดีลตรงกับสํานักงบประมาณมานานแล้ว แต่งบประมาณ อบต. เป็นงบประมาณในมิติพื้นที่ ขณะที่คณะกรรมการในการตัดงบ ก็ไปตัดแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน บางจังหวัดก็เลือกตัดงบเหมือนตามความพอใจ จาก 50 ล้านบาทบ้าง 60 ล้านบาทบ้าง ซึ่งวิธีการตัดงบนี้ไม่มีมาตรฐาน เช่น กรณีที่ตัดงบเสาไฟโซล่าเซลล์ธรรมดา พื้นที่เกาะศรีบอยา ไม่ใช่เป็นพื้นที่ที่มีไฟฟ้าใช้ ถ้าหากท่านไม่เห็นด้วยที่มีเสาไฟอย่างนี้ ก็จะต้องตัดงบฯ ให้หมดทั้งประเทศ
.
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า อบต. ทั้งหมด 5,291 แห่ง เมื่อนำมาอยู่ในห้องประชุม ท่านก็ไปจิ้มตามรหัสจังหวัด แล้วก็จิ้มไม่หมดด้วย 51 จังหวัดไม่มีการปรับ แต่ 15 จังหวัดท่านปรับ อย่างนี้ไม่มีความเป็นธรรมอยู่แล้ว ถ้าจะตัดลดในมิติโครงการเรื่องไฟโซล่าเซลล์ ท่านต้องตัดทั้งประเทศ ลักษณะอย่างนี้ จึงอยากถามคณะอนุกรรมาธิการที่ท่านล้วงลูกลงไปตัดงบประมาณในมิติของพื้นที่แบบนี้ท่าน ทำได้หรือไม่?
สำหรับกรณีมาตรา 144 วรรคสอง บัญญัติให้ สส. กับ สว. จะกระทําการด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้ สส. หรือ สว. มีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณ จะกระทํามิได้ อย่างนี้เข้าข่ายหรือไม่? เพราะหลังจากการอภิปรายเสร็จประธานก็จะต้องขอมติจากที่ประชุม ถ้า สส. 51 จังหวัด ถูกปรับลด และมีการลงมติเห็นชอบตามที่ปรับลดของ กมธ.เสียงข้างมาก ก็เท่ากับว่าท่านปรับลด หรือตัดงบประมาณของ อบต. ในจังหวัดของตัวท่านเอง แต่ในขณะที่ สส. อีก 15 จังหวัด ที่ไม่ถูกปรับลด ได้ลงมติเห็นชอบให้ปรับลดงบของ อบต. จังหวัดอื่น ตามกมธ. เสียงข้างมาก โดยที่จังหวัดของตนเองไม่ถูกปรับลดแม้แต่บาทเดียว อย่างนี้ถือว่าได้ประโยชน์จากการลงมติครั้งนี้หรือไม่? มันหมิ่นเหม่สุ่มเสี่ยงต่อมาตรา 144 วรรคสอง เพราะฉะนั้นถ้าคณะกรรมการปรับลดยอดรวม 1,427 ล้านบาทเศษ แล้วให้กรมส่งเสริมฯ ไปเกลี่ยมาอย่างนี้ ถือว่าเป็นลักษณะ การปรับแบบเท่าเทียม นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว
.
ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตําบล ต้องจดจําว่าในการทํางบประมาณอย่างนี้ และได้รับผลกระทบอย่างนี้ กับรัฐบาลในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ท่านจะเลือกต่อไปอีกไหม ท้องถิ่นของเราเป็นองค์กรฐานรากที่สําคัญ ซึ่งเขาเคยตั้งเป้าว่าจะมีการกระจายอํานาจในส่วนของงบประมาณถึง 35% แต่วันนี้ทํายังไงก็อยู่ที่ 29% กว่า และใน 29% กว่านั้น ยังมีการฝากงบส่วนอื่นเข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นขอเรียกร้องว่า ในเรื่องของการจัดทํางบประมาณในปีต่อไปนั้น ขอให้สํานักงบประมาณได้ทบทวนวิธีการใหม่ มิเช่นนั้นแล้วองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จะถูกรังแกอย่างนี้ต่อไป นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว