บุกรวบ "พระโอ"หนีคดีฉ้อโกงแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหยื่อเสียหายกว่า 6 ล้านบาท


เมื่อวันที่ 23 ส.ค.68 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุม นายโสภณฯ หรือ “พระโอ” ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งหลบหนีไปบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. สืบทราบว่า นายโสภณฯ หรือ “พระโอ” ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น
และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ได้หลบหนีคดีไปบวชเป็นพระที่วัดแห่งหนึ่งในตำบลแก่งหางแมว อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี โดยจากการตรวจสอบพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนกว่า 6 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.นพวัตติ์ ธารีจรัญพัฒน์ สว.กก.1 บก.ปอศ. จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและสามารถจับกุมตัวได้ภายในบริเวณวัดดังกล่าว โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับและแจ้งสิทธิ จากนั้น นายโสภณฯ ได้ทำการลาสิกขาและถูกควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เผยเคยถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนกลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ
จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายโสภณฯ ให้การว่า ตนเคยถูกหลอกให้เปิดบัญชีธนาคารโดยได้รับค่าจ้าง 3,000 บาทต่อบัญชี และถูกชักชวนให้ไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยถูกเสนอค่าจ้างสูงถึง 2-3 หมื่นบาทต่อเดือน แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกนำตัวไปยังสถานที่ลับและถูกควบคุมตัวร่วมกับคนไทยคนอื่น ๆ ที่ถูกหลอกมาเช่นกัน โดยมีหน้าที่เพียงแค่สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนในระบบคอลเซ็นเตอร์ และหากใครปฏิเสธหรือพยายามหลบหนีก็จะถูกทำร้ายร่างกาย หรือ "หายตัวไป" อย่างไร้ร่องรอย และเมื่อบัญชีถูกอายัดก็จะถูกปล่อยทิ้งไว้บริเวณชายแดนให้หาทางกลับประเทศไทยเอง