น่าน –กรมทรัพยากรธรณี เขต 1 จ.ลำปาง ชี้หมู่บ้านสบขุ่น อ.ท่าวังผา มีความเสี่ยงดินสไลด์อยู่ที่ระดับปานกลางถึงสูงมาก ขณะที่ทุกหน่วยงาน เร่งระดมหาแนวทางช่วยเหลือ


นายสุทัศน์ จินตเวชศาสตร์ นายอำเภอท่าวังผา เป็นประธานการประชุมเร่งด่วน ร่วมกับ นายภัคพงษ์ ศรีบัวทอง นักธรณีชำนาญการ กรมทรัพยากรธรณี เขต1 จ.ลำปาง นายมานะ จิตฤทธิ์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ นายวีรชาติ ใจจันทร์ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน พร้อมด้วย พ.อ.ปิยะพงษ์ พรดา ผู้บังคับหน่วยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน 32 องค์การบริหารส่วนตำบลป่าคา นายธีระพันธ์ วาฤทธิ์ กำนันตำบลป่าคา และ นายปิติพงษ์ ธรรมลังกา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 คณะกรรมการหมู่บ้านและชาวบ้านสบขุ่น นายอรรถวิทย์ ยุทธยศ ผู้แทนเครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสบขุ่น หัวหน้าสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านสบขุ่น และเจ้าหน้าที่ป่าไม้น่านร่วมให้ข้อมูลและลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพพื้นที่เสี่ยงดินสไลด์ โดยกรมทรัพยากรธรณี เขต 1 จ.ลำปาง ระบุว่า พื้นที่บ้านสบขุ่น มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับปานกลางถึงสูงมาก ที่เสี่ยงต่อเหตุดินสไลด์
ซึ่งได้มีข้อสรุปเป็นแผนการช่วยเหลือชาวบ้านสบขุ่น โดย แผนระยะสั้น ให้ย้ายชาวบ้านกลุ่มเสี่ยง ไปที่ยังพื้นที่ปลอดภัย จำนวน 2 หลังและเฝ้าระวังอีก 50 หลัง และให้ติดตามการวัดปริมาณน้ำฝน ทุกวัน เพื่อเฝ้าระวังปริมาณน้ำฝนตกสะสม ไม่เกิน วันละ 100 มม. หรือ มีฝนตกติดต่อกัน 3 วันไม่เกิน 300 มม. โดยให้แจ้งชุมชนให้ทราบอย่างเร่งด่วน แผนระยะกลาง กรมทรัพยากรธรณี เขต 1 จ.ลำปาง จะผลักดันการติดตั้งเครื่องติดตามการเคลื่อนตัวของมวลดิน ในพื้นที่ ให้อยู่ภายในแผนงบประมาณปี 2570 และเสนอให้ อบต.ป่าคา ทำแผนพัฒนาลำดับที่ 1 ของหมู่บ้าน เพื่อขุดทำคันดินชะลอน้ำและทำรางร่องน้ำแบบซีเมนส์ สำหรับแผนระยะยาว ชุมชนหมู่บ้านสบขุ่น เสนอให้มีการขยายแนวพื้นที่ทำกินในเขต จ.พะเยา มาเป็นเขตการปกครอง จ.น่าน ตามแผนของกรมโยธาที่เคยเสนอกับชุมชนมาแล้ว และช่วยประสานให้อำเภอท่าวังผา ช่วยเข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านน้ำกาดด้วย หลังจากได้รับการอนุมัติขยายเขตแนวเข้ามาใน จ.น่านแล้ว ชุมชนมีความประสงค์จะผลักดันพื้นที่ทำกิน เข้าร่วมโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)
ทางด้าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เตรียมตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประชุมหาแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนแร่งด่วน