รอ...ลุ้น!คำตอบจาก “อนุทิน” ผลสรุปการศึกษาศักยภาพและความเหมาะสมขยาย จ.ปราจีนเป็น EEC หรือทิศทางใด?


ที่ จ.ปราจีนบุรี มี เรื่องร้อน – เรื่องใหญ่ ใน ภูมิภาคตะวันออกและในประเทศไทย ที่ “ยังไม่ลงตัว”หลังจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย คณะกรรมการร่วมสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย , สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย เสนอให้เพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นส่วนหนึ่งของ EEC
โดยทางคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มอบหมายให้ สกพอ. ศึกษาความเป็นไปได้ เสนอให้เพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นส่วนหนึ่งของ EEC ซึ่งตอนนี้ (ระหว่าง ก.ค. -ก.ย. 68) กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาศักยภาพและความเหมาะสม โดยมีสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการศึกษา พบว่าก่อนที่จะนำผลการศึกษา สรุปสู่บอร์ด EEC และ ครม.ในเดือน ก.ย.นี้ มี 2 ฝ่ายทั้ง กลุ่มคัดค้านไม่เอาEEC ที่จัดม็อบปิดเวทีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ ม็อบ ของกลุ่มที่สนับสนุนต้องการEEC ส่งผลให้การศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย!ตามวัตถุประสงค์
นางนวรถ ปะรักมะสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักแผนภาพรวมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC กล่าวว่า ได้มีการเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งกลุ่มย่อย ใน 7 อำเภอ และ เวทีรวม เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย กำหนดบทบาทของจังหวัดในการเชื่อมโยงกับพื้นที่ EEC ให้แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2568 นี้
ได้เริ่มประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ครั้งที่2 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายขยายพื้นที่เขตพัฒนาภาคตะวันออก จ.ปราจีนบุรี ตามกำหนดการของทั้ง 7 อำเภอ ตั้งแต่ 18 ก.ค.68 เป็นต้นมา ในการแนะนำบทบาทของ EEC แก่ประชาชนทราบ มี 2 ข้อ คือ
ข้อ 1 ชักชวนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ต่าง ๆ ทุกคนคิดว่าเป็นการลงทุนของต่างชาติ ที่จริงแล้วจะเป็นการลงทุนของต่างชาติและในประเทศเราเอง การลงทุนไม่ใช่อุตสาหกรรมอย่างเดียว การลงทุนด้านอุตสาหกรรม ด้านบริการและทางการแพทย์หรือ ดิจิตอล ฉะนั้นในส่วนนี้เป็นการลงทุนในสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด และ ข้อ 2 เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนวิธีการในการ เป็น การเชื่อมประโยชน์กับการลงทุนที่ การของเข้ามาในจังหวัดของเรานี้เชื่อมกับตัวชุมชนเอง ถึงผลประโยชน์ที่จะกระจายสู่ ชุมชนจะเอาข้อคำถามต่างๆนี้ ไปสะท้อนเพื่อการวางแผน ถ้ากรณีที่ปราจีนบุรีได้รับการยอมรับได้เข้าไป 1 ในจังหวัดในพื้นที่ EEC ในส่วนนี้จะไม่สูญเปล่า
นางรัชนี เทียบแก้ว ผู้สนับสนุน EEC ชาว อ.ศรีมหาโพธิ
ประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ครั้งที่2 เป็นของการจัดทำความคิดเห็นเสนอแนะในพื้นที่ประชุม ได้มาเสนอว่าพื้นที่นี้ต้องการอะไรอยากได้อะไร หรือ มีปัญหาอะไร ข้อมูลนี้จะได้นำเสนอต่อรัฐบาลจะพิจารณาว่าปราจีนบุรีจะเป็นพื้นที่ EEC หรือเปล่า หากเป็น EEC ถ้าได้ เราจะเอาข้อคิดเห็นทั้งหมดเอามาวางแผนในการพัฒนาต่อไปจะได้ EEC หรือ ไม่ ได้ EEC ขึ้นอยู่กับ ประชาชน
มาฟังความคิดเห็นของประชาชน ฝากถึงประชาชนถ้าได้ EEC ก็จะ มีการวางแผน พัฒนาการทำงานร่วมกับจังหวัดในอนาคต สิ่งที่เราจะบอกว่า EEC ไม่ใช่ผู้ร้าย ไม่ใช่ทำอุตสาหกรรมอย่างเดียวมี 2 ส่วน ตามกฎหมายของ EEC เรา ให้แค่ 12 อุตสาหกรรมเท่านั้นที่เราจะสนับสนุนให้มาลงในพื้นที่ ฉะนั้นอุตสาหกรรมในพื้นที่ปราจีนบุรีอาจจะเป็นอุตสาหกรรมเกษตร หรือทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของจังหวัด นางนวรถกล่าว
นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผวจ.ปราจีนบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงาน พบเมื่อวันที่ 28 ส.ค.68 ขณะ เปิดเวทีการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในภาพรวม ซึ่งมีนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีเป็นประธานเปิด มีหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากรวมกว่า 600 คน ณ หอประชุมอำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี
ได้มีกลุ่มผู้ประชุม 2 ฝ่าย ประกอบด้วย กลุ่มเห็นด้วยกับ EEC มีประมาณ 400 - 500 คน และ กลุ่มไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่มาจากอำเภอกบินทร์บุรีอำเภอมหาโพธิ์ ประมาณ 100 คน โดยกลุ่มไม่เห็นด้วยได้เตรียมป้ายผ้า และ ป้ายโปสเตอร์กระดาษ “ไม่เอา EEC” ตั้งแต่ก่อนร่วมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น
นายสนิท กุลธรรม อดีตกำนันตำบลเกาะลอย
ผู้ร่วมแสดงความคิดหลัก ถูกยึดเวทีโดย กลุ่มคัดค้านไม่เอาEEC อาทิ นายสุนทร คมคาย ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) , นางระตะนะ ศรีวรกุล ประธานเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ปราจีนบุรี , นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม กลุ่มปราจีนบุรีเข้มแข็ง แสดงความเห็นโดยรวม สรุปว่า ..
... คัดค้านการเสนอให้ปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้ยุติการ โครงการจัดจ้างที่ปรึกษาจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขต EEC จนกว่าจะมีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) อย่างมีส่วนร่วมจากประชาชน ทุกระดับ โดยเสนอให้จัดเวทีแลกเปลี่ยนข้อดี-ข้อเสียระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคมอย่างโปร่งใส กฎหมาย EEC จะส่งผลกระทบต่อยกเลิกผังเมืองเดิมและจัดทำผังการใช้ประโยชน์ที่ดินใหม่โดยไม่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ส่งผลให้พื้นฐานเศรษฐกิจของภาคตะวันออก เช่น เกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ถูกลดความสำคัญและอาจเสียสิทธิในที่ดินปราจีนบุรีเป็นแหล่งผลิตอาหารและสมุนไพรสำคัญของประเทศ มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยว แต่การขยายพื้นที่อุตสาหกรรมจะยิ่งทำลายระบบนิเวศ เกิดมลพิษในแม่น้ำ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรวม
นายสุนทร คมคาย
นอกจากนี้โรงงานอุตสาหกรรมเดิมจำนวนมากอยู่แล้ว ยังเผชิญกับปัญหา แรงงานต่างด้าว ภาวะมลพิษซ้ำซาก ทั้งกลิ่นเหม็น น้ำเสีย และเสียงดัง โดยเฉพาะการเข้ามาของ “ทุนจีนเถื่อน-จีนเทา” ที่ดำเนินกิจกรรมรีไซเคิล หล่อหลอม และฝังกลบขยะอุตสาหกรรม ยิ่งสร้างภาระให้ชุมชน หากยังเดินหน้าผลักดันให้เป็นเขต EEC อาจทำให้ปราจีนบุรีกลายเป็น “ถังขยะอุตสาหกรรม” ของกลุ่มทุนต่างชาติในอนาคต ...
จากนั้นกลุ่มไม่เอาEEC ได้นำป้ายผ้าความยาวกว่า 20 เมตรมาขึงกลางหน้าเวทีประชุมพร้อมส่งเสียงไม่เอา EEC จนต้องปิดเวทีการประชุม ขณะที่อีกฝ่ายที่สนับสนุนEEC ไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ
นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม เครือข่ายชาวปราจีนเข้มแข็งชาวตำบลกรอกสมบูรณ์ อำเภอศรีมหาโพธิ กล่าวว่า “สำหรับโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษของ EEC. เป็นนโยบายของภาครัฐ ซึ่งมี 2 ด้าน เหมือนเหรียญคือ ดี กับด้านไม่ดี ตนคิดว่า สำหรับปราจีนบุรีมองว่าถ้า EEC.เข้ามาเป็นกฎหมายพิเศษที่ชาวบ้านยังไม่รู้ออกมาจากคำสั่งของ คสช.แปลงร่างเป็นเขตเศรษฐกิจเศษ EEC. เป็นกฎหมายของเผด็จการ ให้ความเหลื่อมล้ำกับประชาชนในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี โดยเฉพาะเมื่อ EEC.มาเกิดขึ้น และ ทุกวันนี้ในปราจีนฯมีทั้งโรงงานถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย-โรงงานเถื่อน ที่สร้างผลกระทบ
นายอัมรินทร์ เรือนศรี ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน
ปราจีนบุรีถ้า EEC.เข้ามา จากการพูดคุยนั้น ชาวบ้านยังไม่ทราบ. EEC เราต้องทำความรู้จักก่อนไหม แต่ สิ่ง EEC เข้ามา คนที่ได้ประโยชน์ คือตอนนี้ ที่ดินราคาที่สูงขึ้นเริ่มต้นคือนายทุน นายทุนที่ถือครองที่ขายที่ดินคือผู้ได้ประโยชน์
เรื่องต่อไปการที่จะสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จะเข้ามามีถนนหนทางที่ดีขึ้น ความเจริญเข้ามา นั้นถ้ามี EEC. ย้อนมองกลับดู EEC. ใน 3 จังหวัด 5 ปีผ่านมา ยังไม่มีเวทีแถลงความสำเร็จเลย ฉะนั้นถ้า EEC.เข้ามา จ.ปราจีนบุรีแทบจะไม่ได้อะไรเลย
เพราะว่าวันนี้ถ้า EEC.เข้ามา ด้วยกฎหมายพิเศษ EEC.สามารถตั้งโรงงานได้ สิ่งแรกกฎหมายพิเศษ EEC.ทำคือการเปลี่ยนผังเมืองรวมทั้งหมดได้ทันที และตอนนี้ร้อยละเกือบ 99 โรงงานที่เข้ามาเป็นคนจีน ทุนจีน โรงงานจีนแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวคนไทยนั้นมีน้อยมาก ตอนนี้ ปราจีนบุรีเรายังไม่สามารถแก้ปัญหาโรงงานจีนเถื่อน จีนเทา ขยะมากมายได้
ด้านนายสุนทร คมคาย ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย ในฐานะเป็นแกนนำ ของคน ปราจีนบุรี เข้มแข็ง เราคิดว่า เสียงของพี่น้องชาวปราจีนบุรีปกติขอตัดสินของ ความสำคัญดินน้ำป่า เห็นความสำคัญ ด้วยตัวเองของพี่น้องชาวปราจีนบุรี ขอการพัฒนาแบบปกติการพัฒนาจากท้องถิ่นเห็นแก่คนตัวเล็กตัวน้อยคนรากหญ้า พัฒนาเพิ่มเติบโตขึ้นมีรายได้ที่ดีขึ้นไป ไม่ได้การลงทุน จากต่างชาติ แรงงานต่างด้าว นายสุนทรกล่าว
ล่าสุด วันที่ 1 กันยายน 2568 ที่ศูนย์ราชการจังหวัดปราจีนบุรี ต.ไม้เค็ด อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี กลุ่มชาวปราจีนบุรี ต้องการ EEC รวมกว่า 200 คนจาก อ.ประจันตคาม อ.เมืองปราจีนบุรี และ อ.บ้านสร้าง มีแกนนำประกอบด้วยกำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ,หอการค้า จ.ปราจีนบุรี พร้อมป้ายผ้าข้อความ ชาวปราจีนฯต้องการEEC ได้มาปราศรัยสนับสนุนการนำพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
จากนั้นได้เข้ายื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาล-นายกรัฐมนตรีในการพิจารณานำพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ต่อไป
นายอัมรินทร์ เรือนศรี ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอประจันตคาม กล่าวว่า มายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงนายกรัฐมนตรี เนื้อหากล่าวระบุ ว่า ... ด้วยจังหวัดปราจีนบุรี มีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และทรัพยากรมนุษย์ อันเหมาะสมต่อการพัฒนาและเชื่อมโยงกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ประชาชนในพื้นที่ มีความประสงค์อย่างยิ่งที่จะได้รับการพิจารณาสนับสนุนให้จังหวัดปราจีนบุรี เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ EEC เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ การลงทุนการจ้างงาน และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและดำเนินการตามนโยบายภาครัฐอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้จังหวัดปราจีนบุรีมีการพัฒนา มีการสร้างความร่วมมือ ระหว่างเอกชน และชุมชน โดยหวังให้รัฐบาลสนับสนุนจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ดังนี้
เศรษฐกิจและการลงทุน ขอให้สนับสนุนการลงทุนในธุรกิจท้องถิ่นและ SNEs ดึงดูดโครงการใหม่ ๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เกษตรแปรรูป หรืออุตสาหกรรมสะอาดผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (เช่น EEC) ที่สอดคล้องกับศักยภาพของจังหวัด โครงสร้างพื้นฐานได้รับการพัฒนาจากภาษีที่เข้าจังหวัดเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาถนนรถไฟ และระบบขนส่งสาธารณะ พัฒนาเมืองอัจฉริยะ Smart City ยกระดับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ให้ประชาชนและธุรกิจเข้าถึงได้ทั่วถึง
สังคมและคุณภาพชีวิต ได้รับการพัฒนาการศึกษาและทักษะอาชีพ เพื่อให้คนในท้องถิ่นมีโอกาสทำงานในพื้นที่ มีการจ้างงานใหม่จำนวนมาก ทั้งแรงงานทั่วไปและแรงงานทักษะสูงมีรายได้ประชากรเพิ่มมากขึ้น ยกระดับการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมให้สะอาด ปลอดภัย สร้างพื้นที่สีเขียวและแหล่งนันทนาการ
วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ได้รับการส่งเสริมเอกลักษณ์ท้องถิ่น เช่น อาหารงานฝีมือ ประเพณี พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสร้างสรรรค์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้การสนับสนุนและผลักดันจังหวัดปราจีนบุรีให้เป็นจังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ชาวจังหวัดปราจีนบุรีโดยส่วนรวม
ด้าน นางรัชนี เทียบแก้ว ผู้สนับสนุน EEC ชาว อ.ศรีมโหสถ กล่าวว่า จังหวัดอื่นๆอยากจะได้EEC แต่ก็ไม่มีโอกาส เราอย่ามาขัดแย้งกันเลย เมื่อเรามีโอกาสเรามาคุยกันและรับสิ่งดีๆในความเป็น EEC หรือการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้กับจังหวัดปราจีนบุรี นางรัชนี กล่าว
โดย...มานิตย์ สนับบุญ-รายงาน/ณัฐนันท์ – จุฑารัตน์ - ภาพ /ปราจีนบุรี