ส่งตัวนางเขื่อนพร้อมลูกหลานรวม 4 คนกลับเขมร ข้อหาอยู่ไทยเกินกำหนด

ส่งตัวนางเขื่อนพร้อมลูกหลานรวม 4 คนกลับเขมร ข้อหาอยู่ไทยเกินกำหนด





Image
ad1

เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภูสิงห์ ส่งตัวนางเขื่อน หญิงเขมร พร้อมลูกหลาน รวม 4 คน ข้อหาอยู่ในราชอาญาจักรเกินกว่าที่ใบอนุญาติกำหนด ฟ้องศาลจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนอีก 3 คน โดนข้อหาหลบหนีเข้าเมือง แทนใส้ศึก

จากกรณีที่ชาวบ้านแชรไปร ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้รวมตัวที่หน้า อบต.ไพรพัฒนา กว่า 300 คน เขียนป้ายประท้วง เพื่อขับไล่นางเขื่อน หญิงชาวเขมร ที่มาอาศัยอยู่ไทยนานมากกว่า 27 ปี ให้ออกจากหมู่บ้าน ออกไปจากประเทศไทย เพราะชาวบ้านเชื่อว่า ทำตัวเป็นใส้ศึก แชร์โพสข่าวปลอม กล่าวหาทหารไทยวางระเบิดเอง แล้วไปเหยียบลูกระเบิดเองในฝั่งไทย สร้างความไม่พอใจให้ชาวบ้าน หวั่นเป็นอันตรายต่อหมู่บ้าน ต่อประเทศชาติ ก่อน ตม.จับกุมส่งตำรวจ สภ.ภูสิงห์ เพื่อรับการสอบสวน เมื่อวานก่อน พร้อมลูกหลาน รวม 7 คน

ซึ่ง นายประสิทธิ์ สามีนางเขื่อน บอกว่าตนรักชอบพอกับนางเขื่อน มานานกว่า 27 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ทำมาหากิน เข้าใจว่ามีใบสีชมพูต่างด้าวแล้ว ก็เพียงพอ ก็อยู่อาศัยมาตลอด ทำมาหากิน ค้าขายตามปกติ ที่ผ่านมาเมียตนไม่เคยทำตัวเป็นไส้ศึก และหากเมียกลับเข้าไทยมาได้ ตนจะขออนุญาต จดทำเบียนสมรสกับนางเขื่อน เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตนเข้าใจว่า นางเขื่อน เป็นภรรยาตนแล้วก็แล้ว อยู่ในไทยได้ ไม่รู้ว่าต้องมาโดนข้อหา อยู่เกินกำหนดอะไร ไม่เข้าใจ

ซึ่งวันนี้ที่สถานีตำรวจภูธรภูสิงห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูสิงห์ ภายหลังได้ทำการสอบสวนนางเขื่อน สรุปสำนวนการสอบสวนแล้ว สรุปผลการสอบสวน แจ้งข้อหา ดังนี้ 1.นางเขื่อน โซท อายุ 45 ปี ข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าว อยู่ในราชอาญาจักรไทย โดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 845 วัน, 2.นางสาว ขิน เส็ม อายุ 28 ปี ลูกสาวนางเขื่อน ( รูปร่างอ้วน เสื้อสีม่วง ) อยู่หมู่บ้าน โอรน อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าว อยู่ในราชอาญาจักรไทย โดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 2,656 วัน, นายระตะนัก ระถา อายุ 30 ปี ลูกชายนางเขื่อน ข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าว อยู่ในราชอาญาจักรไทย

 โดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 3,462 วัน และ นางสาว แสงสี รส อายุ 21 ปี หลานสาวนางเขื่อน ข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าว อยู่ในราชอาญาจักรไทย โดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 85 วัน ถูกส่งตัวไปฟ้องศาลศรีสะเกษ ส่วนอีก 3 คน ที่โดนข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ที่ไม่ต้องถูกส่งตัวไปฟ้องศาลตามกฎหมาย สามารถผลักดันให้ออกนอกราชอาญาจักรไทยได้เลย มี นางเซง พาย อายุ 67 ปี มารดาของนางเขื่อน, นายรัน โบรา อายุ 29 ปี หลานนางเขื่อน, นายโงม เงิม อายุ 34 ปี น้องขายนางเขื่อน ซึ่งต้องรอ ตม.มารับตัวไปส่งออกนอกประเทศพร้อมกันกับนางเขื่อน ซึ่งจะต้องไปส่งตัวที่ด่านปอยเปรต จังหวัดสระแก้ว รอการประสานเปิดด่าน จึงจะได้นำตัวไปส่ง

พันตำรวจตรี อรรณพ มณีวงษ์ สารวัตรสอบสวนเวร สภ.ภูสิงห์ ชี้แจง ว่า ขั้นตอนคือ 4 คนที่มีข้อหาอยู่ในราชอาญาจักรไทยเกินกว่าที่ใบอนุญาติ ก็ส่งไปเรือนจำ เพื่อให้ศาลจังหวัดศรีสะเกษ พิพากษา ซึ่งอาจจะมีทั้งโทษปรับ หรือจำ แล้วแต่ศาล เมื่อเสร็จก็จะต้องเดินทางมาคุมขังต่อที่ สภ.ภูสิงห์ เพื่อรอ ตม.มารับตัวไปส่งผลักดันออกนอกประเทศไทย ส่วนอีก 3 คน ที่โดนข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ก็ผลักดันออกไปได้เลย ไม่ต้องส่งศาล แต่ต้องรอ ตม.มารับตัวไปส่งที่ด่านปอยเปรต เพราะด่านช่องสะงำ ปิด


ขณะที่นาง เขื่อน โซท กล่าวว่า ตนอยากขอสิทธิ์คืน สิทธิ์ที่จะกลับเข้ามาในไทย โดยไม่ต้องรออีก 10 ปี ที่ห้ามเข้ามา เพราะเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ข้อหาตนที่อยู่ไทยเกินกว่ากำหนด จะโดนห้ามกลับเข้ามาไทยมีระยะ 10 ปี เพราะตนเองตอนนี้ที่กัมพูชา ตนไม่มีบ้าน ไม่มีญาติพี่น้อง อยู่กัมพูชานานมากแล้ว ตนมาอยู่ไทย กว่า 27 ปี มีสามี มีลูก มีหลาน ปักหลักที่ไทย มาขอเป็นคนไทย ที่กัมพูชา ตนไม่มีอะไรแล้ว ทั้งบ้าน ที่ดิน ญาติพี่น้อง ตอนนี้ก็คิดไม่ออก ว่าจะทำอย่างไร เดินทางไปอย่างไร เงินก็ไม่มีแล้ว บ้านเดิมที่อยู่อำเภออัลลองเวง ตรงข้ามช่องสะงำของไทย ก็ขายไปหมดแล้ว เพราะอพยพมาอยู่ไทยกันหมด ทั้งตน ทั้งแม่ ตอนนี้เครียดมาก ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตเลย จะไปเริ่มต้นที่กัมพูชา อย่างไร แต่ใจอยากกลับมาไทย เพราะบ้านอยู่ไทย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูสิงห์ ได้นำนางเขื่อน พร้อมลูก - หลาน ขึ้นรถส่งตัวผู้ต้องหาไปที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนอีก 3 คน ที่โดนข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ก็ยังถูกควบคุมตัวต่อที่ห้องขัง สภ.ภูสิงห์ ต่อรอ ตม.

เสนาะ วรรักษ์/รายงาน