กรมชลฯ เร่งพัฒนาแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง พื้นที่ลุ่มน้ำหนองหาร–พุง–ก่ำ สกลนคร- นครพนม

กรมชลฯ เร่งพัฒนาแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง พื้นที่ลุ่มน้ำหนองหาร–พุง–ก่ำ  สกลนคร- นครพนม





Image
ad1

กรมชลประทาน ได้จัดประชุมปัจฉิมนิเทศและกิจกรรมสื่อสัญจร “โครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง ลุ่มน้ำหนองหาร ลุ่มน้ำน้ำพุง และลุ่มน้ำก่ำ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม” ณ ห้องประชุมศรีสกล โรงแรมเดอะมาเจสติค จังหวัดสกลนคร

โดยมีนายวีระ ฤกษ์วาณิชย์กุล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธาน พร้อมด้วยนายปรัชญา ฉายวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผน) นายฉัตรดำรงค์ หงษ์บุญมี ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 2 สำนักบริหารโครงการ ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าร่วมประชุมฯ โดยมีการจัดเวทีปัจฉิมนิเทศโครงการฯ ได้กำหนดจัดขึ้น 2 ครั้ง ได้แก่

- เวทีที่ 1 วันที่ 16 กันยายน 2568 ณ ห้องประชุมศรีสกล โรงแรมเดอะมาเจสติค จังหวัดสกลนคร

- เวทีที่ 2 วันที่ 17 กันยายน 2568 ณ ห้องยามดี เอ โรงแรมเวลาดี จังหวัดนครพนม

เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการศึกษาและจัดทำแผนงาน โครงการที่ตอบโจทย์ปัญหาของพื้นที่อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นนโยบายของกรมชลประทานที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกขั้นตอน

นายปรัชญา ฉายวัฒนา  ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผน) กรมชลประทาน  กล่าวว่า สำหรับโครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง ลุ่มน้ำหนองหาร ลุ่มน้ำน้ำพุง และลุ่มน้ำก่ำ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม เป็นการศึกษาจัดทำแผนหลัก (Master Plan) และศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ตลอดจนจัดทำการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กว่า 3,500 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมลุ่มน้ำน้ำพุง(ร้อยละ 47) ลุ่มน้ำก่ำ(ร้อยละ 53) ของจังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนม

ทั้งนี้ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ไปที่บริเวณประตูระบายน้ำสุรัสวดี อำเภอโพนาแก้ว และประตูระบายน้ำบ้านหนองบึง อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เพื่อรับฟังรายละเอียดผลการศึกษา แนวทางการพัฒนา และการประเมินความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หากโครงการดังกล่าวมาทั้งหมด สามารถดำเนินการได้จนแล้วเสร็จ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่อย่างยั่งยืนในอนาคต

นายวีระ ฤกษ์วาณิชย์กุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดสกลนครมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมมาโดยตลอด ฝนตกมีน้ำท่วม ช่วงหน้าแล้งน้ำก็ไม่มี หากมีโครงการบริหารจัดการน้ำเข้ามาก็จะช่วยให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของการเกษตร อุปโภคบริโภค ที่สำคัญคือภัยแล้งและอุทกภัย เมื่อปี 2560 สกลนครมีน้ำท่วมใหญ่ เกิดจากการบริหารจัดการน้ำที่ยังไม่สมบูรณ์ และเป็นโอกาสดีที่ทางกรมชลประทาน ได้มีการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง ลุ่มน้ำหนองหาร ลุ่มน้ำน้ำพุง

และลุ่มน้ำก่ำ จังหวัดสกลนคร รวมถึงจังหวัดนครพนมด้วย ที่จะเข้ามาจัดการน้ำให้มีประโยชน์ มีระบบ มากที่สุด จากที่เห็นจากผลการศึกษาที่มีมากถึง 14 โครงการ แยกย่อยได้ถึง 26 โครงการ ภายใต้งบประมาณ 4,000 กว่าล้าน รวมบางโครงการที่ได้ดำเนินงานไปบ้างแล้ว และมี 2 พื้นที่ที่ต้องมีการดำเนินงานอย่างเร่งด่วนคือ เต่างอย และท้ายประตูน้ำสุรัสวดี จะช่วยบรรเทาน้ำท่วมในเขตเมืองสกลนครได้ และสามารถเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรช่วงหน้าแล้งได้ด้วย

นายนิพนธ์ มุลเมืองแสน ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง กล่าวว่า ภาพรวมของโครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง ลุ่มน้ำหนองหาร ลุ่มน้ำน้ำพุง และลุ่มน้ำก่ำ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม เป็นภาพพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์แบบ เป็นระบบต้นน้ำที่อยู่บนภูเขา มีเขื่อนน้ำพุงที่ไหลลงสู่หนองหานที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ มีความหลากหลายของระบบนิเวศ ที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่แม่น้ำโขง ที่มีความสมบูรณ์แบบ มีผู้คนอาศัยมานับพันปี ในช่วงปี 2560 ได้เกิดน้ำท่วมในเขตเมืองสกลนคร ทำให้เห็นการบริหารจัดการน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ สามารถควบคุมน้ำลดได้เร็วขึ้นกว่าสมัยก่อน

ที่สำคัญคือการบริหารประตูระบายน้ำในลุ่มน้ำก่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พอมีโครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง ลุ่มน้ำหนองหาร ลุ่มน้ำน้ำพุง และลุ่มน้ำก่ำ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม เป็นเรื่องของการต่อยอด เนื่องจากว่า ปัญหาที่ได้พบคือความคดเคี้ยวของล้ำน้ำก่ำมาถึงหนองหาน ต่อไปถึงแม่น้ำโขง ที่เกิดการไหลช้า ทางโครงการฯได้มีการพูดคุยกับชุมชนค่อนข้างมาก

ทั้งผู้นำชุมชน เกษตรกร บริษัทที่ปรึกษามีข้อเสนอแนวทางที่หลากหลายจนเกิดการยอมรับในระดับพื้นที่ โจทย์ที่สำคัญคือแผนที่จะนำไปแก้ไขในอนาคต เช่นแผนการก่อสร้างที่จะต้องจัดสรรงบประมาณอย่างเร่งด่วน เพราะผลกระทบเกิดขึ้นมาหลายปี จากการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาก็ไปติดขัดที่งบประมาณ

รวมถึงการเข้าถึงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกันทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง ถ้าขอเสนอต่อกรมชลประทานเรื่องของการขยายลำน้ำจากประตูสุรัสวดี ไปจนถึงประตูหนองบึง ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำได้ สิ่งสำคัญคือการผลักดันคืองบประมาณ เป็นการแก้ปัญหาให้ถูกจุด

ทั้งเรื่องการเวนคืนที่ดิน การทำความเข้าใจกับชุมชน ในบางช่วงที่อาจจะเกิดภาวะวิกฤติที่ต้องทำงานร่วมกันในหลายๆหน่วยงาน เป็นโจทย์ที่ท้าทายในการปฎิบัติ สำหรับแผนโครงการฯนี้ แบ่งเป็น3 ช่วง  คือการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น 5 ปี  ระยะกลาง 10 ปี ระยะยาว 20 ปี สิ่งที่จะทำในระยะ 5 ปี ให้สำเร็จก็จะช่วยลดผลกระทบน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายวรวิทย์ พิมพนิตย์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนมมีลำน้ำก่ำ ที่มาจากหนองหาน สกลนคร ไหลผ่านลงแม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม ในช่วงฤดูฝนก็จะมีน้ำท่วม น้ำหลากไหลผ่านมา  ช่วงฤดูแล้งก็จะแห้ง เกษตรกรที่มีความต้องการใช้น้ำก็ไม่เพียงพอ กรมชลประทาน มีแผนพัฒนาลุ่มน้ำก่ำ ทั้งการขุดลอก การสร้างประตูระบายน้ำ ที่แม้ตอนหน้าแล้งมีการสูบกลับน้ำจากแม่น้ำโขงก็จะช่วยให้เกษตรกรมีน้ำใช้ที่ดีขึ้น บรรเทาปัญหาทั้งเรื่องอุทกภัยและภัยแล้งได้เป็นอย่างดี

การจัดเวทีปัจฉิมนิเทศโครงการฯ นี้ นับได้ว่าเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการศึกษาและจัดทำแผนงาน โครงการที่ตอบโจทย์ปัญหาของพื้นที่อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นนโยบายของกรมชลประทานที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกขั้นตอน