ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัยจัดมหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลก “สิทธิที่อยู่อาศัย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้มีรายได้น้อยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัยจัดมหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลก “สิทธิที่อยู่อาศัย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้มีรายได้น้อยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”





Image
ad1

ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย 11 องค์กร จัดแถลงข่าว World habitat 2025  มหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลกปี 2568  Urban crisis response“การรับมือกับวิกฤตการณ์ในเมือง”  “สิทธิที่อยู่อาศัย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้มีรายได้น้อยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” โดย ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย เป็นการรวมกลุ่มองค์กรของชาวชุมชน - หมู่บ้าน ที่ไม่มีความมั่นคงในด้านที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน จำนวน 11 องค์กร ได้แก่ เครือข่ายสลัม4ภาค , เครือข่ายชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ , เครือข่ายริมรางเมืองย่าโม , ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม , เครือข่ายบ้านมั่นคงชุมชนริมรางรถไฟ , เครือข่ายที่อยู่อาศัยคลองเตย , เครือข่ายภาคประชาสังคม , เครือข่ายพัฒนาที่ดินและที่อยู่อาศัย 5 ภาค , เครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลอง ขบวนสภาริมรางเมืองขอนแก่น,สมาพันธ์คนไร้บ้านไทย  เพื่อให้คนจนได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ในการรณรงค์วันที่อยู่อาศัยโลกในปี 2568 นี้ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน ณ โรงเรียนสามัคคีสงเคราะห์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ2 World habitat 2025 มหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลกปี 2568

ตามที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม ของทุกปี เป็นวันที่อยู่อาศัยโลก (Word Habitat Day) เพื่อให้สังคมโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ แต่สถานการณ์ปัญหาที่อยู่อาศัยทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ยังมีประชากรจำนวนมาก ไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และเหมาะสมในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี    ในประเทศไทย มีจำนวนคนที่ไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยราว 5 ล้านครัวเรือน อีกทั้งพบว่ามีประชากรที่อาศัยหลับนอนในที่สาธารณะ หรือศูนย์คนไร้ที่พึ่งต่างๆ (Homeless) กว่า 4,000 คน และยังมีครัวเรือนจำนวนมากต้องเสี่ยงต่อสถานการณ์การไล่รื้อ จากภัยคุกคามของโครงการพัฒนาของรัฐที่มองข้ามความเป็นอยู่ของคนในชุมชน และปัญหาที่อยู่อาศัย  หรือแม้แต่การไร้ที่อยู่อาศัยจากสาเหตุอื่น ๆ ที่เห็นอยู่ทั่วไปในสังคม  ดังที่ทราบกันดีว่า ที่อยู่อาศัยที่ไม่มั่นคง มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนจน และคนชายขอบที่จะหลุดพ้นจากความยากจน และเข้าสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างมีศักดิ์ศรี

รวมพลังชุมชน11องค์กรในงานแถลงข่าวมหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลก2568

 ในปี 2568 นี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดหัวข้อรณรงค์ในวันที่อยู่อาศัยโลกไว้ว่า urban crisis response “การตอบสนองต่อวิกฤตในเมือง” มุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาวิกฤติต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเมือง เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้ง การส่งเสริมเครื่องมือ และแนวทางการรับมือกับวิกฤตที่มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำถึงความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการสร้างสภาพแวดล้อมในเมืองที่มีความยืดหยุ่น ทนทาน และฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้อยู่อาศัยทุกคน จะได้รับการพัฒนาที่เท่าเทียม และยั่งยืน ซึ่งเราตระหนักว่า เป็นเรื่องสำคัญ เป็นภัยใกล้ตัวที่ทุกคนเผชิญร่วมกัน โดยเฉพาะคนจนจะได้รับผลกระทบต่อวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด และยังไม่เห็นมาตรการ และนโยบายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมจากรัฐบาลที่จะรับมือต่อวิกฤตนี้ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่ไม่เท่าเทียม ไม่มีความยั่งยืน ส่งผลให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่เผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำมากที่สุดเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉพาะโครงการพัฒนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนสร้างผลกระบทต่อความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย ทำให้คนจนต้องถูกไล่รื้อ ถูกขับไล่ออกจากที่ดิน หรือแม้กระทั่งการจะเข้าถึงที่ดิน และที่อยู่อาศัย ก็เกินกำลังความสามารถที่คนจนจะเข้าถึงได้ เนื่องจากที่ดิน และที่อยู่อาศัย มีราคาสูง เพราะรัฐบาลปล่อยให้เป็นเรื่องกลไกตลาด และยังไม่มีรัฐบาลใดตระหนักถึงปัญหา และให้ความสำคัญ ที่จะกำหนดให้ที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นหลักประกันที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้  จึงเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ใน 6 ประเด็น ดังนี้

จำนงค์ หนูพันธ์

ประเด็นที่ 1 การกำหนดกติกาประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 

1.รัฐบาลต้องจัดทำประชามติเพื่อให้เกิดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจากประชาชนโดยตรง 
2.รัฐธรรมนูญจะต้องให้ความสำคัญต่อที่อยู่อาศัยโดยการบรรจุเนื้อหา “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ 

ประเด็นที่ 2 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในย่านคลองเตย 

กระทรวงคมนาคมต้องมีนโยบายการแบ่งปันที่ดิน และแนวทางการจัดที่อยู่อาศัยสำหรับชาวชุมชนคลองเตย โดยให้มีการแบ่งปันที่ดินร้อยละ 20 ของที่ดินการท่าเรือแห่งประเทศไทยภายใต้ชื่อ “บ้าน สวน คนเมือง แบ่งปัน เพื่อความยั่งยืน” พร้อมทั้งจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับผู้แทนเครือข่ายที่อยู่อาศัยคลองเตยหลังจบการเจรจาหารือทันที

ประเด็นที่ 3 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย

1.รัฐบาลต้องสานต่อนโยบายการนำที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยมาแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

2.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าที่ดิน จำนวน 28 แปลง 1,381 ครัวเรือน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2569 เพื่อให้ทันการใช้งบระมาณโครงการบ้านมั่นคงของ พอช. ในปีงบประมาณ 2569

3.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินให้กับชุมชนเป็นสถานะปัจจุบันตามที่ชุมชนได้ชำระค่าเช่ามาให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568

4.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการส่งมอบพื้นที่เช่า จำนวน 10 แปลง ที่ได้เซ็นสัญญาเช่าที่ดินกับบริษัทลูกของ รฟท. (SRTA) ที่คงค้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568 และหาแนวทางแก้ไขปัญหาสำหรับพื้นที่ที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ให้กับชุมชน

5.ให้มีการสั่งการถึงกระทรวงคมนาคมต้องกำหนดวันหารือแนวการแก้ไขเนื้อหาสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์มติคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2543 ภายในเดือนตุลาคม 2568

บรรจบ อินทร์นาง

6.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องนำเรื่องชุมชนพระราม 6 ที่ได้ข้อยุติร่วมกันแล้วเสนอให้คณะกรรมการ รฟท.พิจารณาอนุมัติ ภายในเดือนตุลาคม 2568

7.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนในการขออนุญาตพัฒนาพื้นที่ด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ให้แล้วเสร็จไม่เกิน 30 วัน

8.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องอำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในการเชื่อมต่อกับพื้นที่ที่ชุมชนเช่าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆกับทางชุมชน หรือหน่วยงานที่ดำเนินการ

9.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องประสานเจ้าของที่ดินข้างเคียงเพื่อดำเนินการชี้แนวเขตพื้นที่เช่าให้ชัดเจน สำหรับการดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่ให้เกิดข้อพิพาทระหว่างกัน

10.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยในกรณีการเข้าพื้นที่เพื่อพัฒนาตามนโยบายโครงการบ้านมั่นคง หากพบปัญหาอุปสรรคที่ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาได้ การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการแก้ปัญหาอุปสรรคดังกล่าว และหลังจากมีการพัฒนาพื้นที่แล้วเกิดปัญหาอุปสรรคในการบริหารสัญญาเช่าที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องมาร่วมเป็นโจทก์ในการดำเนินการทางคดีด้วย

ประเด็นที่ 4 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของประชาชนในที่ดินสาธารณประโยชน์

1.รัฐบาลต้องมีนโยบายการนำที่ดินสาธารณประโยชน์มาแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ให้กับประชาชน

2.กระทรวงมหาดไทยต้องมีมาตรการคุ้มครอง และชะลอการดำเนินคดีกับชุมชนที่อยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดิน

สมัย เสน่หานุกูล

3.กระทรวงมหาดไทย ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ดินสาธารณประโยชน์ที่เป็นปัจจุบันและสามารถนำมาจัดสรร เพื่อการทำกินและที่อยู่อาศัยได้ โดยประชาชนต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว และให้มีข้อสั่งการไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดทุกจังหวัดสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลที่ดินสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ

4.กระทรวงมหาดไทย ต้องพิจารณาระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพที่ดินอันเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ. 2568 เพื่อขยายขอบเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะที่หมดความจำเป็นแล้ว ให้สามารถนำมาจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินได้

5.กระทรวงมหาดไทย ต้องพิจารณาอนุมัติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการจัดทำทะเบียนบ้านชั่วคราวและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในชุมชนในที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา

6.กระทรวงมหาดไทย ต้องมีข้อสั่งการให้ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเสนอพื้นที่ ชุมชนบึงลำไผ่ เขตมีนบุรี เป็นพื้นที่นำร่อง ภายใน 30 วัน

7.เสนอให้ กระทรวงมหาดไทย มีการทบทวนสัดส่วน บทบาทหน้าที่ ขั้นตอนการขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ ของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช. จังหวัด)

8.กระทรวงมหาดไทย ต้องมีคำสั่งให้มีการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ของชุมชนในที่ดินสาธารณประโยชน์ ระดับจังหวัดทุกจังหวัด ที่มีกลุ่มผู้เดือดร้อนที่ต้องการมีสิทธิในที่ดิน และที่อยู่อาศัย
8ธนสร ทองฉ่ำ

จิราภรณ์ เขียวพิมพา

ประเด็นที่ 5 การแก้ปัญหาการรวมกลุ่มเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ในรูปแบบสหกรณ์ 

1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องพิจารณาจัดตั้งรูปแบบประเภทสหกรณ์ ประเภทที่ 8 เคหสถานบ้านมั่นคง โดยแก้ไข เพิ่มเติมในพระราชบัญญัติสหกรณ์ ฉบับ พ.ศ. 2542 

2.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องทบทวนกฎกระทรวง ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ คำแนะนำ ว่าด้วยการจัดตั้งสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง โดยต้องเกิดการพิจารณาร่วมกับเครือข่ายองค์กรชุมชน เพื่อให้สอดคล้องการบริหารสหกรณ์เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยลักษณะแปลงรวม 

3.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องทบทวนและมีแนวทางแก้ไขเรื่องการยกเลิกสหกรณ์บ้านมั่นคง จำนวน 33 สหกรณ์ ให้ที่ดินและที่อยู่อาศัยบริหารโดยชุมชนดังเดิม 

4.กรมส่งเสริมสหกรณ์ ต้องมีคำสั่งให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง

 จรัสสี จันทรอ้าย

ประเด็นที่ 6 การขับเคลื่อนนโยบายโฉนดชุมชน

1.รัฐบาลต้องยืนยันแนวทางการแก้ปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัย ในรูปแบบโฉนดชุมชน ให้เป็นหนึ่งในรูปแบบการจัดการที่ดิน

2.ให้จัดทำระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. .... ฉบับที่ 3 / ฉบับปรับปรุงแก้ไข ในการนำเสนอมาตรการและแนวทางการยกระดับโฉนดชุมชน เพื่อให้การดำเนินการโฉนดชุมชนเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดที่ดิน ตามมาตรา 10

(4) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562

3.ให้กำหนดวันประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน ภายในเดือนตุลาคม เพื่อกำหนดเป้าหมายและแผนการขับเคลื่อนงานของสำนักงานประสานงานจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) และเริ่มดำเนินงานทันทีหลังการประชุม

ไพสิทธิ์ ภิรมย์

ประเด็นที่ 7 การแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านและผู้เช่าห้องราคาถูก

1.ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ติดตามและมีมติลงนาม รับรองระเบียบและข้อหารือนโยบาย “โครงการห้องเช่าคนละครึ่ง” และ “โครงการการขยายสิทธิระบบครอบครัวอุปถัมภ์ให้ศูนย์พักพิงคนไร้บ้านเข้าเงื่อนไขการเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ได้”

2.ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ติดตามและมีมติลงนามใน 2 กลไก

2.1 การแต่งตั้งกลไกคณะทำงานในระดับจังหวัด ที่มีองค์ประกอบหลัก 3 ฝ่าย คือ สมาชิกคนไร้บ้าน/ตัวแทนสมาพันธ์คนไร้บ้านในพื้นที่ ภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัด และ องค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ที่มีความเข้าใจและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง

2.2 คณะทำงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพชีวิตคนไร้บ้านในระดับชาติ เพื่อเป็นกลไกร่วมกันในการตัดสินใจทางนโยบายทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน

ธนสร ทองฉ่ำ

ทั้งนี้ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก นายกรัฐมนตรีจะต้องมาประกาศนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 7 ประเด็นข้างต้น ในขบวนรณรงค์ โดยเฉพาะประเด็นที่ 1 ที่รัฐบาลจะต้องประกาศความสำคัญของสิทธิที่อยู่อาศัย และบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไข

รวมถึงให้สั่งการรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่เรียกร้องทั้ง 6 ประเด็น เพื่อให้ได้ข้อสรุปตามข้อเรียกร้องดังกล่าวในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ด้วย และรัฐบาลต้องนำข้อสรุปการหารือทั้ง 7 ประเด็น เข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบในการประชุมครั้งถัดไปนี้ด้วย

ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย คาดหวังว่า รัฐบาลปัจจุบันที่มาจากการเลือกตั้งจะมุ่งเน้นเห็นความสำคัญต่อปัญหาที่อยู่อาศัย อย่างเอาจริงเอาจังให้เกิดผลเป็นรูปธรรม