วันสันติภาพสากล ปัตตานี จัดงานยิ่งใหญ่ ‘We Are One Family Festival’ สะท้อนพลังประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้


คณะขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ จัดประชุมพร้อมจัดกิจกรรม “We Are One Family Festival ต่างศาสนา ต่างที่มา แต่เราคือครอบครัวเดียวกัน” เนื่องในวันสันติภาพสากล (International Day of Peace). ที่ห้องน้ำพราว โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยมี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธาน งานนี้มีแขกรับเชิญพิเศษ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ปธ.คณะกรรมาธิการสันติภาพ
การจัดงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ผ่านกระบวนการพูดคุยและสร้างความเข้าใจ เพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้ง และขับเคลื่อนสังคมสู่ความสงบสุข ผ่านการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น กว่า 240 เวที 1ปีที่ผ่านมา
ไฮไลต์สำคัญคือเวที โดยมีบุคคลสำคัญขึ้นเวที
คุณจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองอาวุโส ร่วมปาฐกถาพิเศษด้านนโยบายสันติภาพ
พระครูโฆษิตสุทธากรณ์ หัวข้อ “พุทธธรรมในชายแดนใต้ TED Talk ด้านแพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี
สันติสุขชายแดนใต้ มุมมองใหม่จากนักวิชาการ
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมัชชา นิลปัทม์(ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาการสื่อสารสันติภาพ) อิสลามกับสันติสุข พลังแห่งความหวังชายแดนใต้ โดย ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ เสียงเยาวชน ก้าวใหม่สู่สันติสุชายแดนใต้
โดย นายฟาอิก กรระสี (ที่ปรึกษา กมธ.สันติภาพ)และ ชาลี สร้างภาพ..สู่การสร้างเสริมสันติสุข โดย นายอาหมัดกูเซียรี ดอเล้าะ อิฟูเดินเซอร์ ชาลี สร้างภาพ ได้รับความสนใจจากนักศึกษาและประชาชนจำนวนมาก 1,000คน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มต้นปรากฏชัดเจนตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนปี 2547 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ รัฐบาลและสังคมไทยได้พยายามค้นหาวิธีการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการรับฟังความคิดเห็น การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ การศึกษาแนวทางการใช้กำลัง การสร้างความเป็นธรรม การลดเหตุรุนแรง รวมถึงประเด็นเรื่องการศึกษาปอเนาะ สิทธิการถือสองสัญชาติ และข้อเสนออีกมากมายที่มีประโยชน์ แต่ที่ผ่านมา หลายแนวคิดยังไม่สามารถถูกผลักดันจนกลายเป็นนโยบายที่มีผลในทางปฏิบัติได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม วันนี้ประเทศไทยได้ก้าวมาสู่กระบวนการพูดคุยสันติภาพอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งมีคณะขับเคลื่อนระดับชาติเข้ามาร่วมดำเนินการ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องเชื่อมโยงการทำงานในอดีตกับการขับเคลื่อนในปัจจุบัน เพื่อสร้างรากฐานสันติสุขที่มั่นคงและยั่งยืน
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ไม่อาจละเลยได้ คือ การพัฒนาเยาวชนและการศึกษา ในอดีต มีการประเมินว่าเด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้รับโอกาสทางการศึกษาต่ำกว่าพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ ความเหลื่อมล้ำนี้กลายเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความมั่นคงในอนาคต ดังนั้น รัฐจะต้องเร่งลงทุนในระบบการศึกษา ทั้งการสร้างบุคลากรทางการแพทย์ การยกระดับโรงเรียน การสร้างทักษะอาชีพ และการจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์พื้นที่อย่างแท้จริง
อีกหนึ่งประเด็นที่นายจาตุรนต์ให้ความสำคัญคือ เรื่องภาษาและอัตลักษณ์ โดยเห็นว่าการส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้ภาษามลายูหรือภาษาแม่ของตนเอง จะช่วยรักษารากเหง้าและความเป็นตัวตนของสังคมมลายูมุสลิมในพื้นที่ การไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาของตนเองอย่างจริงจัง จะยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกถูกกีดกันและอาจกลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งการพัฒนา
“ประเทศใดที่มีความขัดแย้ง หากไม่เร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ไม่ลงทุนกับอนาคตของเด็ก เยาวชนก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และความขัดแย้งจะยิ่งยืดเยื้อ” นายจาตุรนต์ย้ำ
ด้านแพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี มองว่า “สันติสุข” ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เพียงด้านเดียว แต่ต้องสร้างพร้อมกันทั้งในมิติ การศึกษา การสาธารณสุข และการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม กล่าวว่า ภาพของสันติสุขในใจของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป บางคนเห็นเป็นภาพครอบครัวกินข้าวร่วมกัน บางคนเห็นเป็นเด็ก ๆ วิ่งเล่นอย่างปลอดภัยในชุมชน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า สันติสุขเป็นประสบการณ์ที่แต่ละคนเฝ้าฝันและอยากเห็น เมื่อเด็ก ๆ วาดภาพ “สิ่งที่อยู่ในใจ”
ครั้งหนึ่งเมื่อเธอรับราชการอยู่ศูนย์สุขภาพจิตภาคใต้ ได้จัดกิจกรรมให้เด็กนักเรียนวาดภาพในหัวข้อ “สิ่งที่อยู่ในใจของหนู”เด็กจากจังหวัดอื่นมักวาดรูปครอบครัว ดอกไม้ พระอาทิตย์ หรือทิวทัศน์สวยงาม แต่เด็กจากชายแดนใต้วาดรถถัง ปืน สีที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นสีเทา–ดำหม่น ๆ บางคนวาดภาพสีแดง ไม่สดใส
เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนความจริงว่า เด็ก ๆ ในพื้นที่เติบโตท่ามกลางความรุนแรง เช่น เหตุระเบิดหน้าโรงเรียนในนราธิวาส ที่ทำให้เด็กบางคนเห็นทหารซึ่งเคยทักทายกันทุกเช้าเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา ความทรงจำเหล่านี้ก่อให้เกิดภาวะ PTSD หากไม่ได้รับการดูแลต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตระยะยาวสันติสุขในมิติของ สังคม
หมอเพชรดาวย้ำว่า สันติสุขจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากประชาชนยังรู้สึกว่า ถูกกีดกัน ไม่ได้รับความเท่าเทียม หรือถูกมองข้าม เช่น วันสารทเดือนสิบ ประเพณีสำคัญของชาวไทยพุทธภาคใต้ ซึ่งยังไม่ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ ทั้งที่วันฮารีรายอของชาวมุสลิม และตรุษจีนของชาวไทยเชื้อสายจีนได้รับการยอมรับแล้ว
เธอเล่าว่า ในปี 2562 ได้อภิปรายเรื่องนี้ในสภาฯ และนำไปสู่การผลักดันของรัฐบาลปี 2564 แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นจริงเสียที นี่คือตัวอย่างที่สะท้อนว่า เรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณเลย แต่มีคุณค่าทางจิตใจกลับยังยืดเยื้อมานาน
สามเสาหลักของสันติสุข ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดสันติสุขจริง ๆ มี 3 เสาหลัก
1. การศึกษา – ไม่ใช่แค่การให้ความรู้ แต่คือการสร้างความเข้าใจ เคารพความแตกต่าง และหล่อหลอมเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ
2. สุขภาพ – ความมั่นคงของชีวิตเริ่มต้นจากสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง หากประชาชนอ่อนแอ ย่อมยากที่จะสร้างสันติสุขได้
3. สังคม – ต้องส่งเสริมอัตลักษณ์ของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ร่วมกันบนผืนแผ่นดินนี้ เพื่อสร้างการยอมรับและความภาคภูมิใจร่วมทุกอย่างที่ได้กล่าวไป มันไม่ใช่แค่เป้าหมายที่เราต้องไปให้ถึงแต่คือกระบวนการที่เรา สร้างขึ้นทุกวัน ทุกเดือน ทุกปีผ่านการกระทำเล็ก ๆ ของเราและเครือข่ำยของเรำWe are one family ต่างที่มาแต่เราคือครอบครัวเดียวกัน.
โดย...แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส