แห่งเดียวในไทย สืบสานประเพณี “แข่งโพน-ลากพระ” ชิงถ้วยพระราชทาน “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ”ประจำปี 2568

แห่งเดียวในไทย สืบสานประเพณี “แข่งโพน-ลากพระ”  ชิงถ้วยพระราชทาน “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ”ประจำปี   2568





Image
ad1

ประเพณี “แข่งโพน-ลากพระ”  ชิงถ้วยพระราชทาน “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ”  ประจำปี   2568 แห่งเดียวของประเทศไทย 10 วัน สมาคมท่องเที่ยวแนะ เชิญชวนโดยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทำความรู้จัก

ที่บริเวณหน้าศาลาจตุรมุข  พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ  อ.เมืองพัทลุง นายธราวุธ ช่วยเกิด รอง ผวจ.พัทลุง  นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง นายศาสดา อุ้ยตยะกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง นางอภิญญา สุวรรณ วัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง และนายภวัต อินทนุ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น

ได้ร่วมกันแถลงข่าว และกล่าวว่า การจัดงานประเพณีแข่งโพน-ลากพระ  ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ประจำปี  2568 ซึ่งได้กำหนดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-10  ตุลาคม 2568 ณ เวทีกลางหน้าสำนักงาน อบจ.พัทลุง โดยในขณะนี้ได้มีการแข่งขันโนขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่  และโพนเยาวชน รอบคัดเลือกของสนามต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว

สำหรับการจัดงานจัดขึ้นเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย โดยการแข่งโพนนั้นเป็นประเพณีของชาวภาคใต้ จะจัดขึ้นในเทศกาลออกพรรษา ซึ่งจัดขึ้นควบคู่กับประเพณีชักพระ  และสำหรับโพน จะใช้สำหรับตีให้ส่งเสียงดังในเรือพระและเป็นสัญญาณบอกให้ทราบว่าเรือพระกำลังมาถึง

ส่วนการแข่งขันตีโพนนั้นจะตัดสินโดยการฟังเสียง  ฝ่ายที่เสียงดังมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะในส่วนของการจัดงานจะมีกิจกรรม อาทิ  การประกวดธิดาโพน การประกวดหนุ่มโพนเมืองลุง การแข่งขันซัดต้ม ฯลฯายภวัต อินทนุ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น กล่าวว่า จังหวัดพัทลุง ซึ่งเทศบาลเมืองพัทลุงได้จัดงานประเพณีแข่งโพนลากขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528 ในสมัยนายสมเกียรติ ขณะรัตน์ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง

ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 เทศบาลเมืองพัทลุงได้จัดงานประเพณีแข่งโพน-ลากพระ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขึ้นเป็นครั้งแรก ในสมัยนายโกสินทร์ ไพศาลศิลป์  เป็นนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง

สำหรับ อบจ.พัทลุง นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง  ได้จัดงานตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 จนถึงปัจจุบัน

“ในการจัดงาน ยังจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.พัทลุง อีกด้วย ซึ่งจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเช่นกัน จะเป็นการส่งเสริมสร้างรายได้ให้กับ จ.พัทลุงด้วย”

นายจรูญ แก้ววจีทรัพย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า การส่งเสริมเพื่อสร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศมาเลเซีย ที่หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวทางภาคใต้ปริมาณมากและต่อเนื่อง โดยจะต้องทำการโฆษณาทุกช่องทางเพื่อให้นักท่อเที่ยวได้รู้จักของดีพัทลุงที่มีอยู่จำนวนมาก

ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา โดยเฉพาะศาลหลักเมืองพัทลุงทางประวัติศาสตร์ ซึ่งอยู่เส้นทางที่รถผ่านไปมาทั่วทุกภูมิภาคของไทยประมาณ 45,000 คัน / วัน  โดยเฉพาะสามารถชักชวนสายมูได้เข้ามาทำบุญ สักการะบูชา และจะสามารถจะเชื่อมโยงยังแหล่งอื่น ๆ ได้ วัดเก่าแก่ที่มีอยู่จำนวนมาก ตลอดจนประเพณีต่าง ๆ การตีโพน การแสดงหนังตะลุง มโนราห์ ฯลฯ อันเก่าแก่

“ปัจจุบันโดยนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดและต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย ที่มีแรงดึงดูดเข้ามาพัทลุง คือเรื่องของธรรมชาติ เขา ป่า นา เล  และเรื่องอาหารการกินเป็นหลัก ในส่วนอื่น ๆ ยังไม่ปรากฏ”

นายจรูญ กล่าวว่า จะต้องทำการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้มักคุ้นรู้จัก โดย จ.พัทลุง และวัฒนธรรม เป็นหลักนำ ร่วมยูรณาการกับทุกภาคส่วนทำอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะใช้เวลาระยะหนึ่งแล้วคนจะรู้จักกว้างขึ้น แล้วสามารถเชิญชวนเข้าท่องเที่ยวได้ เพื่อเสริมสร้างรายได้ สร้างงาน ให้จังหวัดได้ในระดับหนึ่ง.