“นิพิฏฐ์” ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. พัทลุง ตรวจสอบ “ไชยชนก ชิดชอบ” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

“นิพิฏฐ์” ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. พัทลุง ตรวจสอบ “ไชยชนก ชิดชอบ”   รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม





Image
ad1

“นิพิฏฐ์” ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. พัทลุง ตรวจสอบ “ไชยชนก ชิดชอบ”   รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุเป็นเรื่อง “ขบวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์” หากไม่มีการตรวจสอบจะเป็นบรรทัดฐานอันตราย

เวลาประมาณ 11.30 น.วันที่ 2 ตุลาคม 2568) ที่สำนักงาน  ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพัทลุง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม และอดีต สส.จ.พัทลุง พร้อมทนายความเข้ายื่นหนังสือต่อนางสาวต้องจิตร ธรรมคง ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพัทลุง  เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เลขาธิการพรรคพรรคภูมิใจไทย

แต่นางสาวต้องจิตร เดินทางไปปฏิบัติราชการในกรุงเทพฯ  ด้านนางสาวกมลวรรณ ศรีชาย พนักงานไต่สวนระดับสูง  รกท.ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพัทลุง เป็นผู้รับหนังสือแทน

หลังจากนี้ทาง ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพัทลุง จะได้ส่งหนังสือร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ส่วนกลาง ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า  กรณีที่นายไชยชนก ได้พูดในการประชุมรัฐสภาว่ามีบุคคลเสนอเงินตอบแทนเดือนละกว่า 40 ล้านบาท  เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น

สำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงวาทกรรมทางการเมือง แต่เป็นกรณีที่อาจเข้าข่ายการให้สินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งสังคมให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง จึงเห็นว่าควรมีการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่ามีการเสนอเงินและการละเว้นปฏิบัติหน้าที่เกิดขึ้นหรือไม่

“ท่านรัฐมนตรีก็เหมือนพระ เวลายังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีจะพูดอะไรก็ได้ แต่เมื่อดำรงตำแหน่งแล้ว คำพูดหรือการกระทำมีผลทางกฎหมาย หากมีคนมาเสนอเงินให้ท่านต้องดำเนินคดีกับผู้เสนอ หากไม่ดำเนินการก็อาจเข้าข่ายละเว้นหน้าที่”

นายนิพิฎฐ์  กล่าวอีกว่า  ขณะนี้นายไชยชนก กำลังหลงทิศหลงทาง  ซึ่งการที่รัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง  ซึ่งอาจจะเป็นการเบี่ยงประเด็นเพราะปลัดกระทรวงจะไปตรวจสอบรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  เนื่องจากผู้ถูกตรวจสอบคือรัฐมนตรีเอง ไม่ใช่ระดับข้าราชการประจำ

ดังนั้นอำนาจตรวจสอบเรื่องควรมาจากนายกรัฐมนตรีหรือองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. จึงตัดสินใจยื่นเรื่องในฐานะพลเมืองไม่ใช่นักการเมือง เพราะเห็นว่าสังคมควรได้ความจริงชัดเจน

“เรื่องนี้เกี่ยวพันกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจำนวนมาก หากไม่เร่งตรวจสอบก็จะเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย”.