สสจ.ศรีสะเกษเปลี่ยนรับฟังเป็นเข้าใจทำงานเชิงรุกด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่สุขภาพช่องปากยังคงเป็นปัญหาของคนไทยที่อาจจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการแก้ไข
รายงานผลสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติครั้งที่ 9 ปี 2566 ระบุว่า คนไทยมีปัญหาสุขภาพช่องปากโดยผู้ใหญ่ร้อยละ 53 ฟันผุและยังไม่ได้รับการรักษา เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึงร้อยละ 10 สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการแปรงฟันไม่เหมาะสมรวมทั้งการเข้าถึงบริการทันตกรรมอยู่ในเกณฑ์ต่ำอีกด้วย

กลุ่มวัยทำงานอายุ 35-44 ปี มีการสูญเสียฟันสูงถึง 83.9% มีภาวะเหงือกอักเสบ 81% ส่วนโรคปริทันต์อักเสบที่มีการทำลายจนเกิดเป็นร่องลึกปริทันต์พบเป็น 32.6% และพบความชุกของโรคฟันผุที่ยังไม่ได้รับการรักษา 52.9% เป็นสาเหตุนำไปสู่การสูญเสียฟันเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ
ที่น่าตกใจ คือ ช่องปากถือเป็นประตูด่านแรกของสุขภาพ หากไม่ได้รับการดูแล ป้องกัน หรือรักษาที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต เสี่ยงป่วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดติดเชื้อ โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคมะเร็งช่องปาก
ดังนั้นกลุ่มวัยทำงานจึงมีความสำคัญที่ช่องปากจะต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาส่งผลกระทบไปจนวัยสูงอายุ

ทพญ.นันท์มนัส แย้มบุตร รองผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน เปิดเผยว่า เหตุผลหลักที่กลุ่มวัยทำงานไม่ไปรับบริการ เพราะคิดว่า ถ้ามีปัญหาก็จะไปไปรับบริการ และไม่สะดวกไปเพราะกลัวกระทบต่อภาระงานที่ทำอยู่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขับเคลื่อนการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก และเพิ่มการรับบริการของกลุ่มวัยทำงานมากขึ้น
มูลนิธิทันตสาธารณสุข ได้ร่วมกับ สสส. ดำเนินงานเพื่อให้เกิดชุดสิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพช่องปากกลุ่มวัยทำงานตั้งแต่ปี 2559 ในระยะเริ่มต้นได้ทำงานขับเคลื่อนช่องปากวัยทำงาน เพื่อเข้าสู่ผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถดูแล เฝ้าระวังสุขภาพช่องปากของตนเองได้ เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการ ทำให้ทราบเงื่อนไขที่ทำให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงบริการมากขึ้น

นพ.ทนง วีระแสงพงษ์
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานภาครัฐที่ส่งเสริมการดูแลสุขภาพช่องปากให้กับประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งมาตรการเชิงรับในพื้นที่ และมาตรการเชิงรุกเข้าถึงงานบริการ เปลี่ยน “รับฟัง” เป็น “เข้าใจ”
นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เปิดเผยข้อมูลว่า จ.ศรีสะเกษมี 22 อำเภอ โรคปัญหาช่องปาก เป็น 1 ใน 5 ที่มีผู้ป่วยสูงสุด ด้วยทันตบุคลากรน้อย ปี 2552 จึงได้เปิดคลินิกทันตกรรมขึ้น เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนสูงวัยและวัยทำงานเข้าถึงบริการมากขึ้น โดยมีผู้มาใช้บริการโดยเฉลี่ย 1,000 รายต่อเดือน ในปี 2554 ได้จัดทำรถทันตกรรมเคลื่อนที่ เพื่อจัดบริการในพื้นที่ทดแทนทันตบุคลากร และออกหน่วยให้บริการตามวาระ ประมาณ 200 ครั้งต่อปี มีผู้รับบริการ 15,000 ราย
การดูแลเชิงป้องกันจะเป็นการส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพช่องป่าได้ดีกว่า อย่างเช่น การใช้รถทันตกรรมเคลื่อนที่ เป็นการพัฒนาระบบบริการเชิงรุก ไปถึงที่ทำงาน ไปถึงสถานที่ เข้าถึงประชาชนได้รับบริการที่ครอบคลุมทั่วถึง อีกทั้งสุขภาพฟันดีของผู้สูงวัย

ศุภชัย สายบาง
อีกทั้ง “ประชาชนสุขภาพดี” ถือเป็นหนึ่งในวาระของจังหวัด ที่เราบรรจุสุขภาพช่องปากลงไปในกลุ่มนี้ด้วย
รถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้บริการจุดที่ขาดแคลนทันตบุคลากร เน้นเด็กเล็ก วัยเรียน ผู้สูงอายุ แต่กลุ่มวัยทำงานเราหาเขาไม่เจอ เพราะเขาไปทำงาน นัดไปคลินิก เขาก็ไม่มีเวลา ถ้าเราทำงานเหมือนเดิมผลลัพธ์ไม่ต่างจากเดิม จึง “คิดใหม่ ทำใหม่” ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ออกแบบการให้บริการใหม่ โดยใช้รถทันตกรรมเคลื่อนที่มาทำงาน จะได้เข้าถึงบริการมากขึ้น
ปี 2567 ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสำนักงานประกันสังคม(สปส.)จังหวัดศรีสะเกษ ในการนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้บริการแรงงานผู้ประกันตนในสถานประกอบการภายใน จ.สรีสะเกษ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานภาครัฐเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ลงนามร่วมกับ สปส. ในกรณีดังกล่าว
โดย ทพ.ชาญชัย ศานติพิพัฒน์ หรือ “หมอจุ่น” ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ หัวหน้ากลุ่มงานทันตสาธารณสุข ผู้ขับเคลื่อนงาน เปิดเผยว่า กลุ่มคนวัยทำงานอเป็นแกนหลักขับเคลื่อนประเทศ เราเจอปัญหาคนวัยทำงานเข้ามารับบริการงานทันตกรรมไม่ถึง 10% ที่ผ่านมาเขาจะไปต่อเมื่อทนไม่ไหว ไม่ได้แล้ว และปัญหายากเกินแก้ไขไปแล้ว จบด้วยการถอนในท้ายสุด และเขาไม่มีเวลาเพราะต้องทำงานทุกวัน

มีข้อมูลว่า กลุ่มวัยทำงานกว่า 90% มีภาวะโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งไม่มีอาการรแสดงทันที เริ่มต้นจากแค่เปลี่ยนสี มองไม่เห็น แต่ระยะยาว มีหินปูน เหงือกบวน บางรายเป็นหนอง ฟันโยก กระทบชีวิตแน่นอน
ดังนั้นเรา สสจ.ศระเกษ จึงคิดใหม่ คือ “รับฟังอย่างเข้าใจ” ฉะนั้นเมื่อเขามีปัญหาลางานไม่ได้ หรือไม่สะดวกท่จะเดินทางมาหาเรา งั้นเราออกไปหาเขา ด้วยการขอความร่วมมือกับสถานประกอบการ ว่า เราจะนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่ออกไปให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงาน จะได้ไม่ต้องลางานหรือกระทบกับงาน ใครว่างช่วงเวลาไหนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาตามคิวได้เลย ค่าบริการจะอยู่ในส่วนของผู้ประกันตนที่เบิกจ่ายตามสิทธิ์ของประกันสังคมรายละ 900 ต่อปี นอกจากนี้ยังช่วยภาระค่าใช้จ่าย เพราะหากไปรับบริการที่เอกชนหากเกินงบก็ต้องจ่ายเอง เพราะอาจะทำได้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่จบ แต่ทำกับเราสามารถทำได้หลายรายการ คุ้มกว่า เพราะเราคิดราคาภาครัฐ
“โครงการนี้พยายามหาช่องทางหลากหลายวิธี ให้คนกลุ่มวัยทำงานเข้าถึงทันตกรรมมากขึ้น ในทุกสิทธิ์การรักษา ศรีสะเกษเป็นจังหวัดแรกๆ ที่ทำงานเชิงรุกให้บริการงานทันตกรรมกลุ่มคนวัยทำงานในสถานประกอบการ เรียกได้ว่าบริการถึงที่ไม่ต้องรอคิว” หมอจุ่น กล่าว
นายศุภชัย สายบาง นักวิชาการแรงงานชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ รักษาการแทนประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า การให้บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้กับผู้ประกันตนในสถานประกอบการ เราทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับ สสจ.ศรีสะเกษ ใน ม.ค.-เม.ย. 67 ซึ่งเข้าเงื่อนไขผลประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ ซึ่งสามารถเบิกจ่ายตรงได้ทันทีหากมีการลงนามร่วมกัน และอาจจะส่งผลต่อไปถถึงการเป็นพื้นที่นำร่องของทั่วประเทศได้
ทั้งนี้ในระยะเวลาที่เราเปิดกรอบ 4 เดือน มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการ 24 แห่ง มีผู้ประกันตนเข้ารับบริการจำนวน 682 ราย ซี่งถือว่าผลตอบรับดีมาก
“โค้วทองอยู่” สถานประกอบการแห่งแรกที่ตอบรับ และยินดีเข้าร่วมโครงการ ตามวิสัยทัศน์ของผู้บริการ ลูกจ้างก็เหมือนคนในครอบครัว
นายบุณยเกียรติ ทวีสุขศิริ “เฮียเบนซ์” ผู้บริหาร “โค้วทองอยู่” และบริษัทในเครือ กล่าวว่า เรามองเห็นประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับ จึงได้เข้าร่วมโครงการและยินดีที่ให้รถทันตกรรมเคลื่อนที่มาตั้งในที่ทำงาน โดยให้พนักงานสลับหมุนเวียนกันมาเข้ารับบริการ ช่วยให้พนักงานไม่ต้องเสียสิทธิ์การลางานไปรับบริการ และช่วยให้เขาหันมาใส่ใจสุขภาพช่องปากมากขึ้น เราใส่ใจสุขภาพของพนักงานเพื่อให้เข้ามีชีวิตความเป็นที่ดี โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่เราพร้อมซัพพอร์ททุกๆ เรื่อง
“อย่างไรก็ตามอยากให้ประชาสัมพันธ์ว่า วันที่รถทันตกรรมเคลื่อนที่มาให้บริการอีก อยากให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถมาใช้บริการได้ ไม่จำเป็นต้องให้บริการเฉพาะเรา ซี่งจะเป็นการเข้าถึงประชาชนได้จริงๆ”
ปี 2568 สสจ.ศรีสะเกษ รุกให้บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่อีกครั้ง โดยขยายการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ เช่น สถานีตำรวจภูธร ศาลจังหวัด สรรพากร เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้วัยทำงานมีความรู้ดูแลสุขภาพช่องปาก ให้บุคลากรได้รับการบริการทันตกรรมตามเหมาะสมและจำเป็น อย่างเช่น คนทำงานในศาลากลางจังหวัดที่ต้องดูแลคนทั้งจังหวัด แต่ใครจะเป็นคนดูแลพวกเขาเหล่านั้น
สสจ.ศรีสะเกษทำงานเชิงรุก ช่วยจังหวัดในการนำทันตบุคลากรไปหากลุ่มวัยทำงาน เหมือนกับการกระจายทันตแพทย์ไปในตัว เพราะลำพังแล้ว จ.สระเกษ ทันตแพทย์ 1 คน ต้องดูแลผู้ให้บริการกว่า 11,000 ราย โดยที่ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศจะอยู่ที่ 1 ต่อ 7,000 ราย ดังนั้นทันตแพทย์ศรีสะเกษจึงมีภาระรับผิดชอบหนักอึ้ง แต่ไม่เป็นอุปสรรคของ สสจ.ศรีสะเกษที่ที่เทแรงกายแรงใจในการทำงานเชิงรุกนี้ เพราะเชื่อว่า หากได้ดูแลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนก็จะมีสุขภาพช่องปากที่ดี ส่งผลคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในอนาคต
นางเบญจมาศ มรรคสันต์ นิติกรชำนาญการ สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การให้บริการของรถทันตกรรมเคลื่อนที่ที่มาให้บริการภายในศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ถือเป็นการให้บริการที่เจาะกลุ่มวัยได้ตรงจุด เพราะคนวัยทำงานเป็นเหมือนเสาหลักของบ้าน ถ้าเขาสุขภาพดีก็หมายถึงความเป็นอยู่ของครอบครัวเขาด้วย
สุขภาพช่องปากเป็นปัญหามานาน ไม่ได้รับการแก้ไข ยิ่งงานระบบราชการงานเยอะ ทุกคนก็จะห่วงงานจนลืมดูแลตัวเองในเรื่องนี้เพราะไม่มีเวลา บางคนต้องสูญเสียฟันไปถึง 8 ซี่ ถ้าไม่มีรถทันตกรรมมาเขาไม่รู้เลยจะดูแลช่องปากยังไง ตอนนี้เราเห็นบรรยากาศของคนพูดถึงเรื่องการดูแลช่องปากมากขึ้น มีคนถือแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ในที่ทำงานเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน
รถทันตกรรมเคลื่อนที่ ของ สสจ.ศรีสะเกษ ถือเป็นโมเดลต้นแบบในการนำรถทันตกรรมที่มีอยู่ของภาครัฐ ได้ออกให้บริการเชิงรุกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกรายได้รับบริการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม