ชาวบ้านภูมิชรอลเชื่อเขมรตั้งเครนบนปราสาทเขาพระวิหารส่องกองกำลังไทย

ชาวบ้านภูมิชรอลเชื่อเขมรตั้งเครนบนปราสาทเขาพระวิหารส่องกองกำลังไทย





Image
ad1

ชาวบ้านภูมิชรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เชื่อเครนบนปราสาทเขาพระวิหาร เขมรติดกล้องส่องคนไทย ส่องกองกำลังไทย ยาย 82 ปี ขายใส้กรอกย่าง เลี้ยงลูกชาย ตาบอด 33 ปี รออพยพ

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่ ถนนพระวิหาร สุดทางลาดยาง จะเป็นเนินหินขนาดใหญ่ จากเดิมที่นักท่องเที่ยว เดินทางจากฝั่งประเทศไทย เพื่อจะผ่านประตูเหล็ก ข้ามลำห้วยเล็กๆ ที่เขมรอ้างสิทธิ์ เป็นเส้นแบ่งพรมแดน ก่อนขึ้นไปเที่ยวปราสาทพระวิหาร ที่ทางขึ้นอยู่ทางฝั่งประเทศไทย แต่วันนี้เต็มไปด้วยลวดหนามหีบเพลง ตชด.ต้องลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา และที่น่าสงสัยมากก็คือ เครนขนาดใหญ่ สูง ราว 70 เมตร จากตัวปราสาทหลังแรก หากสังเกตให้ดี เครนตัวนี้ จะไม่มีการเคลื่อนขยับแต่อย่างใด นิ่งอยู่กับที่ เหมือนกลัวมุมกล้องวงจรปิดที่เขมรอาจติดตั้งไว้จะเคลื่อน จะเปลี่ยนมุม ที่แอบส่องกองกำลังของไทย ส่องประชาชนชาวไทย เพราะหากดูดีดี หากติกล้องบนเครนสูงจริง จะสามารถมองลึกเข้ามาในประเทศไทย ได้จนถึงหมู่บ้านภูมิชรอล ได้เลย ทำให้ประชาชนหมู่บ้านภูมิชรอล วิตกกังวลเป็นอันมาก

ที่ ปั้มน้ำมัน บ้านผือ ปั้ม ปตท.ที่ลูกปืนใหญ่ตกลงมาระเบิด ลงในร้านสะดวกซื้อ เด็กปั้มอย่าง นายเดช อินทรี อายุ 32 ปี เล่าว่า ในวันนั้นที่ลูกปืนใหญ่ลง ตนกำลังเติมน้ำมันให้ลูกค้า ได้ยินเสียงระเบิดดังมาก มองไปเห็นร้านสะดวกซื้อพัง ไฟลุก ตนและเด็กปั้มคนอื่นๆ วิ่งหนีกันจร้าละหวั่น ถึงตอนนี้กลับมาทำงานเติมน้ำมันอีกรอบ ใจก็นึกกลัวตลอด มองไปที่ร้านสะดวกซื้อ ที่กำลังก่อสร้างใหม่ตลอดทุกนาที ขณะเติมน้ำมัน เพราะยังหวาดหวั่นไม่หาย ว่าขณะเติมน้ำมันอยู่ จะมีลูกปืนใหญ่ตกมาระเบิดอีกหรือไม่ จะตกลงในปั้มหรือเปล่า หากมีอีก ก็วิ่งหนีอย่างเดียว ทุกวันเติมน้ำมันไปก็ผวาไป

นางพร ยานี อายุ 37 ปี ชาวบ้านภูมิชรอล เล่าว่า ตอนนี้ชาวบ้านพากันทำหลุมหลบภัย โดยรวมตัวกันตำให้บ้านรวมกัน 3 – 4 หลังคา ต่อ 1 หลุม ออกเงินกันเอง แต่ตอนนี้ขาดดิน เพราะฝนตกหาดินมาถมหลุมหลบภัยลำบาก เพราะชาวบ้านคาดว่าน่าจะมีการยิงปะทะกันอีกรอบ เพราะเขมรมีการเสริมกำลังกันอยู่ตลอด และทางบ้านหนองจาน สระแก้ว ก็มีการยั่วยุกันตลอด ประชาชนในหมู่บ้าน หลายคนก็บอกว่า ไม่ต้องไปคุยอะไรกันแล้ว เขมรคุยไม่เข้าใจคุยไม่รู้เรื่อง เขาก็อยากให้จัดการให้เรียบร้อย ชาวบ้านจะได้อยู่อย่างสงบ ทำมาหากินได้อย่างปลอดภัย ตนก็เตรียมเสื้อผ้าไว้ตลอด หากมีเสียงลูกปืนใหญ่มาก็ไปกันเลย ตอนนี้ก็ขึ้นภูเขาไปกรีดยาง ไปขุดมันไม่ได้ ก็ไม่มีรายได้ ชีวิตคนชายแดนลำบาก นักเรียนชั้นประถมก็มาเรียนครึ่งวัน เพราะโรงเรียนประถมยังไม่ปิด และกำหนดจะสอบในวันที่ 11 ตุลาคม นี้ ทุกคนใช้ชีวิตลำบากมาก    

ขณะที่ คุณยาย สุนทร งามสุด อายุ 82 ปี เปิดเผยว่า ทุกวันตนจะออกมาขายใส้กรอกย่าง ไม้ละ 10.-บาท ขายตั้งแต่เช้า จนหมด หรือถึง 17.00 น. วันหนึ่งก็จะขายได้ราวๆ 50ไม้ ที่ผ่านมาขายดีมาตลอด จนมีเหตุปะทะกัน ยายก็อาศัยขึ้นรถยนต์อพยพไปกับเจ้าของร้านค้า ที่อนุญาตให้ยาย มาตั่งโต๊ะย่างไส้กรอกขายได้ฟรี ไม่เก็นค่าเช่า เพราะสงสารยาย ที่นำรายได้ไปเลี้ยงดูแลลูกชาย ที่ตาบอด อายุ 33 ปี แต่ตาบอดตั้งแต่อายุ 30 ปี เนื่องจากไปเป็นช่างอ๊อกเหล็ก แล้วสะเก็ดเศษเหล็กอ๊อกกระเด็นเข้าตา รักษามาหลายเดือน สุดท้ายตาบอด สามีตนก็ชรามาก ทุกวันทำงานรับจ้างไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็ช่วยยัดใส้กรอก ยายก็จะมาย่างขายเอง และหากปะทะกันมาอีก ก็จะต้องขออาศัยรถยนต์เจ้าของร้าน อพยพไปกับเขา ก็รู้เมื่อไหร่บ้านเมืองจะสงบจริงๆ

พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ ภาพ/ข่าว
เสนาะ วรรักษ์/รายงาน