“ธนาคาร ไชยยาสมบัติ” ทำผลงานสุดยอดอีกครั้ง คว้ารางวัลนักปั่นยอดเยี่ยมอาเซียนในการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “เลอ ทัวร์ เดอ ลังกาวี 2025” สเตจที่ 8 (สเดตจสุดท้าย) ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมทั้งคว้าอันดับ 2 เวลารวมนักปั่นเอเชีย ส่วนทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ก็คว้าอันดับ 1 อาเซียนได้อีกเช่นกัน
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี รองประธานสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (ACC), ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (ACF) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากการที่นักปั่นทีมจักรยานอาชีพ “ไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ทีม” เดินทางไปแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติรายการ “เลอ ทัวร์ เดอ ลังกาวี 2025” ที่ประเทศมาเลเซีย ผลการแข่งขันเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นการชิงชัยในสเตจที่ 8 (สเตจสุดท้าย) ระยะทาง 180.2 กม. ผลปรากฏว่า “เฟรม” ส.ท.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ของนักปั่นอาเซียน ด้วยเวลา 3.50.20 ชั่วโมง คว้ารางวัล Best Asean Rider หรือนักปั่นยอดเยี่ยมอาเซียน และรั้งอันดับ 3 ของนักปั่นเอเชีย พร้อมกันนี้ทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ยังได้อันดับ 1 ของทีมอาเซียนในสเตจที่ 8 นี้ด้วยเช่นกัน

พลเอกเดชา กล่วอีกว่า ส่วนเวลารวมโอเวอร์ออล ธนาคารอยู่อันดับที่ 21 และได้อันดับ 2 ของนักปั่นเอเชีย ด้วยเวลารวม 27.29.27 ชั่วโมง โดยห่างจากผู้ที่คว้าแชมป์ 1.43 นาที ขณะที่เวลารวมประเภททีม นักปั่นทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ได้อันดับ 3 เวลารวม 82.31.03 ชั่วโมง ส่วนอันดับ 1 ได้แก่ ทีมนูทันซารา-บีวายซี จากอินโดนีเซีย เวลา 82.29.54 ชั่วโมง, ที่ 2 ทีมเอเชี่ยน เรซซิ่ง จากญี่ปุ่น เวลา 82.29.33 ชั่วโมง
“เสธ.หมึก” กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแข่งขันจักรยานทางไกล “เลอ ทัวร์ เดอ ลังกาวี 2025” ต้องยอมรับว่าทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก มีทั้งทีมอาชีพระดับสูงสุด เวิลด์ ทัวร์ ทีม, ทีมระดับดิวิชั่นสอง ยูซีไอโปรทีม นอกจากนี้ยังมีทีมยูซีไอคอนติเนนตัล ถือว่าเป็นทีมระดับพระกาฬทั้งนั้น และเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน อันดับเวลารวม 20 อันดับแรก ปรากฏว่าเป็นของนักปั่นจากยุโรป 17 คน ที่เหลืออีก 3 คนเป็นนักปั่นออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และ นิโคลยา วิโนคูรอฟ นักปั่นคาซัคสถานจากทีมเอ็กซ์ดีเอส-แอสตาน่า ที่เป็นเอเชียเพียงคนเดียว ขณะที่ธนาคารได้อันดับที่ 21 เป็นที่ 2 ของเอเชีย และเป็นที่ 1 ของอาเซียน รวมถึงประเภททีมก็ได้เบส์อาเซียนถึง 2 สเตจ และเวลารวมเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ก็ถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ

“ผลงานของนักปั่นไทยในรอบหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่านักกีฬาไทยสามารถยืนหยัดสู้กับนักปั่นในภูมิภาคเอเชียได้อย่างไม่เป็นรอง สิ่งที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ยังคงต้องทำงานหนักกันต่อไปก็คือรักษาระดับมาตรฐานในการชิงชัยระดับเอเชียด้วยกันเอาไว้ ส่วนเป้าหมายต่อไปก็คือการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม นักปั่นไทยชุดนี้ก็จะกลับมาเก็บตัวฝึกซ้อมต่อเนื่องไปจนถึงช่วงแข่งขัน ซึ่งประเภทถนนก็มีคู่แข่งที่น่ากลัวคืออินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งสมาคมกีฬาจักรยานฯ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าน่าจะได้อย่างน้อย 1-2 เหรียญทอง” พลเอกเดชา กล่าวในตอนท้าย.