ตำรวจ-กสทช. บุกตรวจยึดเครื่องซิมบ็อกซ์แก๊งคอลเซนเตอร์เครือข่ายไต้หวัน

ตำรวจ-กสทช. บุกตรวจยึดเครื่องซิมบ็อกซ์แก๊งคอลเซนเตอร์เครือข่ายไต้หวัน





Image
ad1

ตำรวจ-กสทช. ร่วมตรวจยึดเครื่องซิมบ็อกซ์แก๊งคอลเซนเตอร์ ดัดแปลงเป็นแผงชุดเครื่องเสียง ในบ้านและหอพักย่านกทม.-สมุทรปราการ พบโทรหลอกผู้เสียหายกว่า 9,000 ครั้ง มีชายชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าขบวนการ

อุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ 16 ซิม หรือเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ดควบคุมมาจากต่างประเทศ 2 ชุด ซึ่งดัดแปลงเป็นแผงชุดเครื่องเสียง // เร้าเตอร์ Wifi 2 ชุด // อุปกรณ์สำรองไฟ 2 เครื่อง และสายแลน 4 สาย คือของกลางบางส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ภายในบ้านเช่า หลังหนึ่งย่านคลองสามวา และ ห้องพักในอำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ หลังขยายผลได้จากการตรวจสอบสัญญาณ ขบวนการคอลเซนเตอร์ ที่โทรมาหลอกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้พบว่ามีการติดตั้งเครื่องกระจายสัญญาณภายในบ้านเช่าหลังดังกล่าว เมื่อตรวจสอบพบว่าบ้านหลังนี้ และ ห้องพัก มีหญิงคนไทยซึ่งเป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ เช่าไว้ เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์สำหรับใช้โทรหลอกลวงผู้เสียหาย

พลตำรวจตรีโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บก.สส.บช.น. เปืดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบว่าขบวนการนี้มีผู้เกี่ยวข้องคือหญิงชาวไทย และบัญชีม้าอีกหนึ่งคนซึ่งเบื้องต้นได้ติดตามมาสอบปากคำแล้ว โดยหญิงชาวไทย สามารถตามตัวได้ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งที่จังหวัดนครสวรรค์  

จากการสอบถามเจ้าตัวยอมรับว่าได้รับเงินค่าจ้างจากชายชาวไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นหัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์ ให้ทำสัญญาเช่าบ้านพัก และจะได้รับค่าจ้างตอบแทนเป็นรายเดือน พร้อมอ้างว่าไม่รู้ว่าชาย ชาวไต้หวัน เช่าห้องไว้เพื่ออะไร เมื่อขยายผลพบว่าอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ของขบวนการนี้ มีประวัติโทรหลอกลวงผู้เสียหายกว่า 9,000 ครั้ง อีกทั้งยังเคยพบมีผู้ถูกหลอกเข้าแจ้งความไว้ที่สน. สำเหร่ ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจจะส่งข้อมูลเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขยานผลหา บุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม รวมถึงชายชาวไต้หวันที่ขณะนี้เชื่อว่าอาศัยอยู่นอกประเทศ

ด้านพลตำรวจตรีวสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มคอลเซนเตอร์ได้ปรับรูปแบบการใช้เครื่องซิมบ็อกซ์จากเดิมที่เคยใช้เครื่องขนาดใหญ่สามารถใส่ได้ 32 ซิม หันมาใช้เครื่องขนาดเล็กใส่ซิมได้ 16 ซิมและมีการดัดแปลงเป็นรูปแบบเครื่องเสียง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และง่ายต่อการขนย้าย

ขณะที่ นายสุธีระ พึ่งธรรม ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม สำนักงานกสทช. ในฐานะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษหน่วยพระพาย เปิดเผยว่าหลังจากนี้จะนำเครื่องซิมบ็อกซ์ที่ตัวยึดได้ไปตรวจสอบโมดูล ที่ลงทะเบียนไว้ว่าใครคือผู้จดทะเบียนนำเข้าและดัดแปลงส่งขายเพื่อตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับกระบวนการคอลเซนเตอร์หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการจับกุมตัวยึดเครื่องซิมบ็อกซ์เป็นจำนวนมาก

แต่การตรวจสอบค่อนข้างเป็นไปได้ยากเพราะไม่ได้มีกฎหมายที่บังคับให้จะต้องมีการลงทะเบียนข้อมูลเครื่อง แต่ขณะนี้ได้มีข้อกำหนดใหม่ว่าผู้ที่ครอบครองเครื่องซิมบ็อกซ์จะต้องลงทะเบียนข้อมูลเพื่อเป็นการลดช่องว่างในการลักลอบนำเข้าเครื่องมาใช้ เป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชน