เศรษฐีเมืองตรังแห่ซื้อทองสวนราคาพุ่งเชื่อมีค่ากว่าเงินสด


นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ เจ้าของร้านทองตุ้นเฮงหลี ในเขตเทศบาลนครตรัง บอกว่า ขณะนี้ราคาทองพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง และแนวโน้มจากกระแสข่าวก็พูดตรงกันว่า ราคาทองน่าจะพุ่งขึ้นอีกเยอะ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของการขึ้นราคาเท่านั้น โดยเฉพาะในต่างประเทศเขาพูดกันว่า ราคาน่าจะพุ่งไปอยู่ที่ 4,000-5,000 เหรียญต่อต่อออนซ์ จากนี้ไปแม้ว่าบางขณะอาจจะมีการชะลอตัวบ้าง แต่เชื่อว่ายังจะต้องพุ่งสูงขึ้นอีก
ทั้งนี้มีจากสาเหตุจาก 3 ปัจจัย คือ 1.ปัญหาสงคราม 2.สภาพเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจากกรณีภาษีทรัมป์ และ 3.ความเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องของพันธบัตร โดยเฉพาะค่าเงินต่างประเทศที่มีความไม่แน่นอนและอ่อนค่าลงเรื่อยๆ จึงส่งผลทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น โดยตอนนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าราคาทองจะพุ่งไปสูงขนาดไหน ซึ่งเหนือความคาดหมาย และในอีก 1-2 ปีข้างหน้า หากราคาจะลดลงก็คงไม่มาก
สำหรับประชาชนหากต้องการจะเก็งกำไรก็สามารถทำได้ แต่หากใครมีทองอยู่กับตัว ก็แนะนำให้เก็บเอาไว้ อย่าเพิ่งปล่อยขายจนกว่าจะพอใจ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขณะนี้ประชาชนก็ยังเดินทางมาซื้อทองตามปกติ ไม่ได้ลดลง ซึ่งบางส่วนซื้อเพื่อเป็นของขวัญตัวเอง ซื้อให้คนที่รัก ซื้อใช้งานแต่งไปเป็นสินสอดทองหมั้น และอีกครึ่งหนึ่งซื้อทองคำแท่ง เพื่อเก็งกำไร ทำให้ตอนนี้ทองคำแท่งในต่างจังหวัดเริ่มขาดตลาด แต่ในส่วนกรุงเทพฯ อาจจะยังหาได้ ขณะที่ทางร้านเองก็ไม่มีเก็บ ซื้อมาก็ขายไป เพราะความต้องการสูงมาก เพราะประชาชนเชื่อว่าราคายังขึ้นอีกและดีกว่าเก็บเงินสดไว้
ด้าน นายศิริพัฒ พัฒกุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง บอกว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ตนเองจะจัดงานแต่งบุตรชาย โดย 1 ในสินสอดคือ ทองคำ หนัก 10 บาท ก็ได้ซื้อเอาไว้แล้ว เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาหรือประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนั้นราคายังอยู่ที่บาทละ 55,300 บาท แต่มาวันนี้ทะลุ 60,000 บาทแล้ว และตอนที่ตนเองไปทาบทามลูกสะใภ้เมื่อปีที่ก่อน ราคาทองยังอยู่ที่บาทละกว่า 30,000 บาทเท่านั้น แต่ปีนี้ราคาพุ่งขึ้นพรวดเกือบเท่าตัวแล้ว และถ้ามาซื้อสินสอดตอนนี้ คงต้องจ่ายเพิ่มขึ้นนับแสนบาท
เช่นเดียวกับร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ของจังหวัดตรัง พบว่า ต่างหนาแน่นไปด้วยประชาชนที่เดินทางไปเลือกซื้อทองเช่นกัน ถึงแม้ราคาจะสูง แต่ประชาชนก็ยังให้ความสำคัญในการซื้อทองเป็นของมีค่าเก็บไว้ดีกว่าเงินสด
(Cr.คนิตา สีตอง)