คปภ.ผนึกทุกภาคส่วนร่วมกำหนดทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย


สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น (Public Hearing) ต่อร่างแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2569–2573) เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมประกันภัยได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยไปด้วยกัน โดยมีนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานเปิดการประชุม เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 ณ ห้องวิภาวดี บอลรูม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
ร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้มีวิสัยทัศน์หลัก คือ ระบบประกันภัยเป็นกลไกผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจและการจัดการความเสี่ยงภัยของประเทศ ซึ่งมุ่งเน้นให้ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายสำคัญในอนาคต ทั้งจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงบ่อยครั้ง การเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในธุรกิจประกันภัย ซึ่งถือเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายในการปรับตัวของอุตสาหกรรมให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อุตสาหกรรมประกันภัยไทยได้ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านแผนพัฒนาการประกันภัยมาแล้ว 4 ฉบับ เพื่อสร้างระบบประกันภัยที่เข้มแข็งและมีเสถียรภาพ รองรับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดย (ร่าง) แผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 5 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2569 นี้ จะเป็นกรอบสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยให้เป็นกลไกหลักของประเทศในการบริหารความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและสังคม พร้อมสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน การประชุมในครั้งนี้ได้รับความสนใจจาก
ผู้แทนภาคอุตสาหกรรมประกันภัยเข้าร่วมกว่า 229 คน ประกอบด้วย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน สมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย ผู้บริหารบริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย และผู้บริหารสำนักงาน คปภ. โดยผู้แทนจากสมาคมต่าง ๆ ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาแผนฉบับนี้ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น อาทิ นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากภาวะดอกเบี้ยต่ำที่มีต่อธุรกิจประกันชีวิต รวมถึงต้นทุนด้านการประกันสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นายอานนท์ วังวสุ ที่ปรึกษาสมาคมประกันวินาศภัยไทย และประธานกรรมการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้กล่าวถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของธุรกิจประกันภัยรถยนต์จากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะส่งผลต่อระบบนิเวศของอุตสาหกรรมในอนาคต และ ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา นายกสมาคมนายหน้าประกันวินาศภัยไทย ได้ชื่นชมโครงการ Insure Mall ของสำนักงาน คปภ. ว่าเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการประกันภัยได้ง่ายขึ้น และเสนอให้พัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง โดยนำแนวคิดจากแพลตฟอร์มในต่างประเทศมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย
หลังจากการประชุมในครั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จะรวบรวมและประมวลความคิดเห็นที่ได้รับจากทุกภาคส่วน เพื่อนำไปประกอบการปรับปรุง (ร่าง) แผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2569–2573) ให้มีความรอบด้าน ครอบคลุมทุกมิติ ของอุตสาหกรรม ก่อนเสนอให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (บอร์ด คปภ.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการบริหารความเสี่ยงของประเทศ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต