กลุ่มวิถีไทรณรงค์การเมืองภาคพลเมือง ต้องการเมืองประชาธิปไตยที่กินได้

กลุ่มวิถีไทรณรงค์การเมืองภาคพลเมือง ต้องการเมืองประชาธิปไตยที่กินได้





Image
ad1

กลุ่มวิถีไท “เสวนา” ระบุ รณรงค์การเมืองภาคพลเมือง ต้องการเมืองประชาธิปไตยที่กินได้ ฉบับวิถีไทย ถอดบทเรียนได้บทสรุปว่า สส.ไม่สามารถไว้วางใจได้อีกแล้ว และไม่มีจำเป็นต้องมี สส.อีกแล้ว โดยมีทหารและประชาชนก็ไปได้แล้ว แต่ไม่ปฏิเสธประชาธิปไตยฉบับวิถีไทย

นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (คยปท.) เปิดเผยว่า  กลุ่มวิถีไทจากทุกภูมิภาค และคณะทำงานจากส่วนกลาง นส. นิชาภา สุวรรณนาค  สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมขับเคลื่อนการเมืองภาคพลเมืองเชิงศีลธรรม โดยจัดเวทีเสวนาขึ้นที่ จ. สุราษฏร์ธานี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม และเวทีที่ จ. ยะลา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

“เป็นย่างก้าวที่สำคัญในการนำไปสู่การที่ภาคพลเมือง ที่จะต้องตระหนักรู้อย่างเท่าทัน เพื่อเป้าหมายในการปฏิรูปประประเทศ ซึ่งที่จะรักษาไว้  3  สถาบันหลักของชาติ”

นายทศพล ยังกล่าวอีกว่า กลุ่มวิถีไท ได้จีดชุมนุมเสวนาที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยขั้นแรกเป็นการรวมตัวของระดับแกนนำในจังหวัดเพื่อให้กระชับและคล่องตัวต่อการบริหารจัดการ จาก 9 จังหวัดภาคใต้ตอนบนและกลาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พังงา ระยอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ และ จ.พัทลุงส่วนภาคใต้ตอนล่าง จ.สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และ จ.นราธิวาส

นาทศพล กล่าวอีกว่า ในที่เสวนาได้ตกผลึก 1.ประชาธิปไตยที่กินได้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เป็นตัวแทนของประชาชนจริง ไม่ใช่ตัวแทนของทุนสามานย์ 2. ประชาชนเกือบ 100 % ได้ถอดบทเรียนโดยสรุปว่า ไม่สามารถไว้วางใจ สส.ได้อีกแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องมี สส. โดยมีทหาร และประชาชน ก็สามารถพาประเทศชาติได้  แต่ต้องบริหารจัดการให้เกิดความโปร่งใส แต่ก็ไม่ปฏิเสธระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยฉบับวิถีไทย คุณธรรม ศิลธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ประชาชนมีความหวัง และสงบสุข ทุกหลากสี

นายทศพล กล่าวอีกว่า กลุ่มวิถีไท ได้ดำเนินการจัดเวทีชุมนุมเสวนาวิถีไทย วิถีธรรมไปทั่วทุกภูมิภาคแล้ว ตั้งแต่ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ และมีการจัดเวทีชุมนุมเสวนาเพื่อสร้างความเข้าใจการเมืองอย่างถ่องแท้ถึงการเมืองวิถีไทย โดยเสวนาในส่วนแกนนำระดับจังหวัดแล้วจะนำไปขยายเซลล์ภายในจังหวัดให้เป็นผล ทั้งนี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้เกิดยั่งยืน

“ตอนนี้กลุ่มวิถีไท ได้เดินทางรูปแบบอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้เกิดความยั่งยืน และในส่วนที่ได้เดินทางไปไกลแล้วคือภาคอีสาน  คาดการณ์ได้ว่าดำเนินการอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 สมัย  จะเดินทางไปได้ไกลอีกมาก”  

นายทศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา ได้มีการพูดถึงในที่เสวนาด้วย ซึ่งจะได้จัดทำเป็นบทเรียนบทศึกษาให้เกิดความกระจ่างและให้คนจะได้ตื่นรู้และทำความเข้าใจกับปัญหาที่แท้จริงทีได้เกิดขึ้น ปัจจัยสำคัญเพราะผู้มีอำนาจหลายฝ่ายได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยผลประโยชน์อย่างมหาศาลที่เกี่ยวกับแผ่นดินของคนไทย เรื่องผลประโยชน์ชายแดน เรื่องของธุรกิจประเภทต่าง ๆ ของคนกลุ่มผู้มีอำนาจหลายฝ่าย

“ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ”.