ผศ.วราวุธ ตีระนันทน์ แถลงผลการดำเนินงาน กมธ.ศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรมต่อวุฒิสภา


เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วราวุธ ตีระนันทน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง และประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ได้รายงานสรุปผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการด้านศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) โดยกล่าวว่า กราบเรียน ท่านประธานวุฒิสภาที่เคารพ กระผม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วราวุธ ตีระนันทน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง และประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ขอรายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการด้านศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ซึ่งมีผลงานที่สำคัญ ดังนี้ซึ่งมีผลงานที่สำคัญ ดังนี้ ด้านศาสนิกสัมพันธ์ เป็นภารกิจสำคัญ ที่มุ่งสร้างความเข้าใจ และการยอมรับในความแตก ต่างทางศาสนา เพื่อให้ศาสนิกชนอยู่ร่วมกัน อย่างสันติในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยคณะกรรมาธิการได้ดำเนินงานผ่านการจัดกิจกรรมสำคัญ
ดังนี้ 1. การจัดเสวนา เรื่อง ศาสนิกสัมพันธ์สร้างสุข เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งได้รับเกียรติจากท่านมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา มาเป็นประธานในพิธีเปิด และมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี ให้เกียรติมาปาฐกถาในหัวข้อ “ศาสนาหนึ่งในสถาบันหลักของชาติ” และมีผู้นำ 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ มาร่วมแลก เปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งผู้นำทั้ง 5 ศาสนาเห็นพ้องต้องกันว่า หลักคำสอนทางศาสนาเป็นพลังสำคัญในการหล่อหลอมคุณธรรม จริยธรรม และความสมานฉันท์ในสังคม ดังนั้น จึงมีการขยายผลสู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างศาสนา เพื่อบูรณาการพลังศาสนากับทุกภาคส่วน ในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และการอยู่ร่วมกันในสังคม
2. การจัดพิธีทางศาสนา ศาสนิกสัมพันธ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชาติ ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 โดยได้รับความเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธพจนวชิรมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์และท่านมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา มาเป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีผู้นำ 5 ศาสนา ที่ทางราชการให้การรับรอง มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อสร้างความปรองดองและความสามัคคีในหมู่ศาสนิกชน โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 1,000 คน
ด้านการปกป้อง และคุ้มครองศาสนา คณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาด้านศาสนา เพื่อวิเคราะห์สาเหตุและหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยยึดหลักกฎหมาย และการบูรณาการ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ องค์กรศาสนา และภาคประชาชน เพื่อให้การแก้ไขเป็นไปอย่างรอบด้านและยั่งยืน ดังนี้ 1. การแก้ไขปัญหาการบิดเบือนและล้อเลียนศาสนาในสื่อสมัยใหม่ ที่มีการสร้างเนื้อหาที่หมิ่นหรือล้อเลียนศาสนา ซึ่งยากต่อการควบคุมและตรวจสอบ ด้วยเหตุนี้ จึงจัดเสวนาในหัวข้อแนวทางปฏิบัติและการจัดการปัญหาละเมิดศาสนาในสื่อสมัยใหม่ เพื่อธำรงศรัทธาในสังคมไทยอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีท่านบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง มาเป็นประธานในพิธีเปิด และได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้แก่ กสทช./ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ/ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์/ สำนักงานอัยการสูงสุด/ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม/ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กรมการศาสนา/ จากการเสวนาพบปัญหาสำคัญ คือ กฎหมายล้าสมัยและไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพชัดเจน ซึ่งนำไปสู่ข้อเสนอให้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อร่วมกันพิจารณา และวางแนวทางป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านศาสนาที่สำคัญ ได้แก่ 1. การลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับเงินบริจาค เพื่อปรับปรุงพุทธมณฑล ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมสรรพากร 2. การจัดการปัญหาที่พักสงฆ์ที่มีการฝึกสมาธิวิปัสสนากรรมฐานในรูปแบบอสุภกรรมฐาน ในจังหวัดพิจิตรและกำแพงเพชร ปัจจุบันได้ยุติการนำศพมาใช้ในการฝึกสมาธิแล้ว แต่ยังคงจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลและสร้างความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต 3. ศึกษาการบริหารจัดการบัญชีและทรัพย์สินของวัด เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการให้วัดมีความเข้มแข็งและน่าเชื่อถือมากขึ้น 4. ศึกษาสาเหตุและปัจจัยของวิกฤตศรัทธาพระพุทธศาสนา พร้อมแนวทางแก้ไขอย่างรอบด้าน
ด้านนิติบัญญัติ
1.ศึกษาพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐ เพื่อกำหนดให้พระภิกษุที่ต้องคดีอาญามีโอกาสได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น 2.ศึกษาประมวลกฎหมายอาญา ฐานความผิดเกี่ยวกับศาสนา มาตรา ๒๐๖ เพื่อให้ครอบคลุมการกระทําผิดเกี่ยวกับการดูหมิ่นล้อเลียนศาสนาบนโลกสื่อดิจิทัล ตลอดปีที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการได้ดำเนินภารกิจด้านศาสนา คุณธรรม และจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งส่งเสริมให้ศาสนาเป็นพลังสำคัญในการหล่อหลอมคุณธรรมในสังคม
ทั้งนี้ ในปีต่อไปได้กำหนดทิศทางการทำงานเพื่อ “สร้างศรัทธาทางศาสนาให้กลับคืนสู่สังคมไทย” ผ่านการพัฒนาความร่วมมือระหว่างศาสนา การเสริมสร้างเครือข่ายภาคีและการยกระดับมาตรการคุ้มครองศาสนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ ยังได้ดำเนินโครงการ “เยาวชนสร้างสื่อ สื่อสร้างธรรม บำรุงศาสนา”
โดยจัดประกวดคลิปวิดีโอสั้น ความยาวไม่เกิน 2 นาที เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนทุกศาสนาได้แสดงพลังสร้างสรรค์ ตระหนักถึงคุณค่าแห่งศาสนาและวัฒนธรรม อันจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการฟื้นฟูศรัทธา และปลูกจิตสำนึกแห่งความดีงามในสังคมไทยต่อไป โดยรายละเอียดผลการดำเนินงาน จะปรากฏตามรายงานสรุป ผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ที่นำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาด้วยแล้ว