แม่ทัพภาคที่ 3 ยกระดับความปลอดภัยคนชายแดนตากจากการสู้รบเมียนมา

แม่ทัพภาคที่ 3 ติดตามสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่จังหวัดเมียวดี สหภาพเมียนมา และตรวจเยี่ยมการดำเนินการต่อบุคคลข้ามแดนมายังฝั่งไทย

พล.ท. วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่จังหวัดเมียวดี สหภาพเมียนมา ด้านตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่ห้องประชุมอาคารวัชโรภาส กองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด จ.ตาก

โดยมี พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ,นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ,พล.ต.ต.ไพศาล นันตา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ,พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร , พ.ต.อ.รัง ดาวดึงษ์ "แม่สอด 1." ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สอด , พ.ต.อ.ชินกร อัศวภูมิ “ ผู้กำกับชิน เทวราช 1” ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก(ด่าน ตม.แม่สอด) ,พ.อ.ชนกานต์ แสงศร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ตชด. และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อ ติดตามสถานการณ์ และหาแนวทางป้องกันผลกระทบต่อประชาชนไทย จากเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่เคเคปาร์ค ตรงข้ามชายแดนอำเภอแม่สอด รวมทั้งเพื่อหารือประสานการปฏิบัติ และแนวทางแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบข้ามแดนเข้ามาในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก
สำหรับบุคคลต่างชาติ ที่ทำงานในพื้นที่เคเคปาร์ค ฝั่งเมียนมา ที่ลักลอบหนีเข้ามายังฝั่งไทย ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2568 จนถึงวันนี้ มีผู้หนีเข้ามาในฝั่งไทยรวมทั้งหมด 28 สัญชาติ จำนวน 1,280 คน เป็นสัญชาติอินเดียมากที่สุด รองลงมาเป็นจีน เวียดนาม เอธิโอเปีย และบุคคลสัญชาติอื่นๆ รวมทั้งบุคคลสัญชาติไทย

โดยบุคคลเหล่านี้ เมื่อข้ามเข้ามา จะถูกนำมาที่ศูนย์พักคอย ที่กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 346 และที่สำนักงานสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา แห่ง ที่ 2 เพื่อซักถาม คัดกรอง และเข้าสู่กระบวนการ NRM หากเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ จะเข้าสู่ขั้นตอนของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่หากไม่ใช่การค้ามนุษย์ จะเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีและผลักดันกลับของตรวจคนเข้าเมือง โดยวันนี้มีทูตจากประเทศอินเดีย เดินทางมาดูด้วยตัวเอง ขณะที่ยังพบปัญหาหลายประเทศ ยังไม่มีประเทศเจ้าภาพมารับตัวกลับ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 3 จะนำเรื่องนี้ไปสู่ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อรับทราบและดำเนินการต่อไป

