กรมชลประทาน นำสื่อฯลงพื้นที่ชมโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยแม่น้ำสายบุรี 3 จังหวัดชายแดนใต้

กรมชลประทาน นำสื่อฯลงพื้นที่ชมโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยแม่น้ำสายบุรี 3 จังหวัดชายแดนใต้





Image
ad1

กรมชลฯนำคณะสื่อมวลลงพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนใต้ โครงการศึกษาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยแม่น้ำสายบุรี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา สามารถลดความเสียหายในพื้นที่ลุ่มน้ำสายบุรีตอนล่างได้ประมาณ 90,000 ไร่ 

ลุ่มน้ำแม่น้ำสายบุรี เป็นลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำภาคได้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดได้แก่ นราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา มีความยาวลำน้ำ 195.00 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 3,213.01 ตารางกิโลเมตร (2.01 ล้านไร่) ปริมาณฝนสะสมเฉลี่ย 2.551.8 มิลลิเมตร และปริมาณน้ำท่า 5,466.74 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี  จากๅปัญหาทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่น้ำสายบุรี ประสบปัญหาหลัก ได้แก่ อุทกภัยในช่วงฤดูฝน และการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำกระทบต่อน้ำอุปโภค-บริโภค และพื้นที่การเกษตร จากสถานการณ์ดังกล่าว และตามข้อสั่งการของรัฐบาล เมื่อครั้งเดินทางมาตรวจราชการ  ณ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561

สำนักงานชลประทานที่ 17 จึงได้เสนอแผนงาน “โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและเพิ่ม ประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำสายบุรี” ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมชลประทานเห็นความสำคัญของปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนในลุ่มน้ำแม่น้ำสายบุรีจึงได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา ศึกษาโครงการศึกษาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยแม่น้ำสายบุรี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัด ยะลา ในปีงบประมาณ 2568 ระยะเวลาดำเนินการ 600 วัน

นายปรัชญา ฉายวัฒนา วิศวกรโยธาเชี่ยวชาญ กรมชลประทาน กล่าวว่า  โครงการฯนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งและปัญหาอุทกภัยที่เกิดซ้ำซากในฤดูฝน มุ่งเน้นการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่สามารถประกอบอาชีพไต้อย่างยั่งยืน ลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ สร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้อง ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น มีโครงการในแผนหลักทั้งหมด 198 โครงการ ซึ่งในแผนหลักมีโครงการสำคัญตามข้อเสนอของพื้นที่จำนวน 20 โครงการ

อาทิ 1) โครงการบรรเทาอุทกภัยแม่น้ำสายบุรีตอนล่าง (คลองกอดอ-คลองไม้แก่น-คลองสายบุรี)

2) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและกักเก็บน้ำโครงการพรุบาเจาะ ไม้แก่น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

3) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน คลองไอร์ลือโบว์

4) โครงการฟื้นฟู พรุปาเซรายอ

5) โครงการป้องกันน้ำเค็ม คลองละเวง

6) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน คลองไอร์ยูง-คลองไอร์ดาฮง

โดยโครงการนี้จะสามารถบรรเทาอุทกภัยและลดความเสียหายในพื้นที่ลุ่มน้ำสายบุรีตอนล่างเป็นพื้นที่ประมาณ 90,000 ไร่  ได้แก่ อำเภอกะพ้อ อำเภอปะนาเระ อำเภอสายบุรี และอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี อำเภอรามัน จังหวัดยะลา รวมถึงอำเภอบาเจาะ และอำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ประมาณ 366 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ

"โครงการศึกษาการแก้ใขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำสายบุรีนี้ ไม่ใช่การทบทวนหรือรื้อฟื้นโครงการเขื่อนสายบุรีที่ ครม. มีมติยกเลิกไปแล้ว ตามที่บางท่านอาจมีความกังวลหรือเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่โครงการนี้เป็นการดำเนินการศึกษาวางแผนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำสายบุรีอย่างเป็นระบบและยั่งยืนกรมชลประทานมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการภายใต้หลักความโปร่งใสและให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในทุกขั้นตอน เพื่อให้แนวทางการพัฒนาที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาน้ำอย่างยั่งยืนในระยะยาวต่อไป" นายปรัชญา ฉายวัฒนา กล่าวเพิ่มเติม

นายศุภณัฐ ปริยชาติ ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า โครงการร่างแผนหลักการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำสายบุรี รวบรวมจากแผนพัฒนา ด้านแหล่งน้ำในอนาคตจากโครงการสำคัญที่ที่ปรึกษาเสนอ แผนงาน/โครงการในอนาคต (MTEF) ของกรมชลประทาน แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำของกรมทรัพยากรน้ำ และแผนพัฒนาจังหวัดของสำนักงานจังหวัดนราธิวาส สำนักงานจังหวัดปัตตานี และสำนักงานจังหวัดยะลา จำนวนทั้งสิ้น 198 โครงการ ประกอบด้วย กรมชลประทาน75 โครงการ  กรมทรัพยากรน้ำ 15 โครงการ  สำนักงานจังหวัดนราธิวาส 78 โครงการ สำนักงานจังหวัดปัตตานี 9 โครงการ สำนักงานจังหวัดยะลา 1 โครงการ โครงการสำคัญตามข้อเสนอของพื้นที่ 20 โครงการ

สำหรับโครงการสำคัญตามข้อเสนอของพื้นที่จำนวน 20 โครงการนั้น เป็นแผนงานที่เกิดจากการรับฟังสภาพปัญหา และข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่ ผ่านเวทีประชาสัมพันธ์และการจัดประชุมสนทนาแบบกลุ่ม (Focus Group) เพื่อให้แผนพัฒนาเป็นไปตามความต้องการและแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง จากการรวบรวมแผนงานทั้งหมดสามารถจำแนกกลุ่มโครงการตามลักษณะพื้นที่ลุ่มน้ำได้ดังนี้ 1. ลุ่มน้ำสายบุรีตอนบน เป็นกลุ่มโครงการประเภทพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในลำน้ำสาขา

2. ลุ่มน้ำสายบุรีตอนกลาง เป็นกลุ่มโครงการประเภทพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในลำน้ำสาขา และเพิ่มปริมาตรเก็บกักน้ำ บึง แก้มลิงธรรมชาติ และฟื้นฟูระบบนิเวศ 3. ลุ่มน้ำสายบุรีตอนล่าง เป็นกลุ่มโครงการประเภทคลองผันน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยและโครงการป้องกันน้ำเค็ม

นายซอฟรี สาและ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี  กล่าวว่า ในช่วงฤดูน้ำหลากชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกปี เนื่องจากน้ำไหลผ่านลงสู่ทะเล ทั้งคลองหลักคลองย่อย ชาวบ้านได้มีการขุดลอก ขยายคลองเพื่อรองรับน้ำให้มากขึ้น มีการทำฝายสปิลเวย์ เก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงน้ำแล้ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ อยากให้มีแนวทางแก้ไขโดยการบูรณาการ 3 จังหวัดที่แม่น้ำสายบุรีไหลผ่าน ขุดลอกตั้งแต่ต้นน้ำ จะช่วยทำให้น้ำไหลลงมาปลายน้ำน้อยลง เพราะช่วงท้ายน้ำจะมีน้ำทะเลหนุนทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมทุกปีและท่วมยาวนาน 7-10 วัน หากแก้ปัญหาต้นน้ำได้ก็จะช่วยให้ผู้ใช้น้ำท้ายน้ำมีปัญหาน้อยลง และอยากให้มีประตูระบายเปิดปิดได้ก็จะช่วยเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงแล้งได้

เช่นเดียวกับนายแปอิง นาเซ  ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ตะโละไกรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี กล่าวว่า ในช่วงน้ำขึ้นจะมีน้ำทะเลหนุนเข้ามาทำให้เกษตรกรที่ปลูกนาข้าวได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะหมู่1,2 ของตำบลตะโละไกรทอง ที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นทุกปี ในช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์  มีนาคม นอกจากนี้ก็ยังเจอน้ำท่วมซ้ำซากที่เกิดขึ้นทุกปี อยากให้กรมชลประทานเข้ามาช่วยสร้างประตูระบายน้ำที่ช่วยแก้ไขปัญหา น้ำเค็ม น้ำท่วม ได้บรรเทาเบาบางลงได้บ้าง

นายเสริม สิทธิพันธ์  ตัวแทนชาวบ้าน บ้านสารวัน ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเค็ม โดยเฉพาะช่วงน้ำหลากพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย และขาดแคลนน้ำในช่วงน้ำลด ที่เป็นปัญหามาตลอดหลายสิบปี พอได้โครงการคันกั้นน้ำเค็มและท่อระบายน้ำสารวัน-ม่วงชุม ที่เปิดใช้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็สามารถบรรเทาเรื่องน้ำเค็มได้เป็นอย่างดี  ชาวบ้านในชุมชนสามารถทำนา ปลูกผัก ฟาร์มตัวอย่างเกษตรผสมผสาน ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น สร้างคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้นตามไปด้วย

ทางด้านนายมูฮำมัด สาและ กำนันตำบลบาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และเป็นประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำอำเภอบาเจาะ เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี บอกว่า พื้นที่ของตำบลบาเระใต้เป็นแอ่งกะทะ น้ำจากหลายๆที่ไหลมารวมกันในพื้นที่ของบาเระใต้ทำให้เกิดน้ำท่วม อีกทั้งยังมีภัยแล้ง  ไฟป่า ด้วย เป็น 3 เรื่องที่คนในชุมชนประสบปัญหากันมาทุกปี  ในเรื่องของน้ำท่วมได้ประสานงานกับกรมชลประทานที่ต้องระบายน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด

กลุ่มผู้ใช้น้ำในบาเจาะ มีรวบรวมปัญหานำเสนอกับกรมชลประทาน  ขยายคลอง ก้นคลอง ปากคลองให้กว้างขึ้น ที่ช่วยรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนได้มากขึ้น ในช่วงฤดูแล้งก็สามารถปิดประตูระบายน้ำ  โดยมีคณะกรรมการกลุ่มผู้ใช้น้ำเข้ามาดูแลเรื่องของการปิดเปิด จะช่วยให้การใช้น้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากข้อเสนอผ่าน ก็จะช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ สามารถเพิ่มผลิตได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ความสูญเสียในเรื่องของบ้านเรือนก็จะลดน้อยลง ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้

ทั้งนี้โครงการศึกษาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยแม่น้ำสายบุรี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา เป็นโครงการที่มีขั้นตอนการศึกษาประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ส่วนที่ 1 แผนหลักการ พัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และส่วนที่ 2 การศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ปัจจุบันดำเนินการมาถึงขั้นตอน การจัดทำแผนหลัก และต่อจากนี้จะดำเนินการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อคัดเลือกโครงการนำไปสู่การศึกษา ความเหมาะสม จำนวน 2 โครงการ โดยรายละเอียดโครงการ ขอให้ทางบริษัทที่ปรึกษาเป็นผู้นำเสนอต่อไป