ชุดสืบ สภ.อุทุมพรพิสัยตามจับแก๊งขโมยรถจยย.2 ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ 1 คน

ชุดสืบ สภ.อุทุมพรพิสัยตามจับแก๊งขโมยรถจยย.2 ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ 1 คน





Image
ad1

เจ้าหน้าที่ชุดสืบ สภ.อุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ติดตามไล่กล้องวงจรปิด จนไปเจอร้านที่รับซื้อของเก่า ติดตามไปรวบแก๊งขโมยรถจักรยานยนต์ ได้ 2 คน รถ 3 คัน ยังหลบหนีอีก 1 คน รถใหม่ขาย คันละ 2 พัน

ภาพจากกล้องวงจรปิด จากหลายจุด ที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ สภ.อุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้พยายามติดตาม แกะรอย รวบรวม จนสามารถนำเสนอต่อ พันตำรวจเอก นิลกาฬ พรศักดิ์ ผู้กำกับ สภ.อุทุมพรพิสัย ก่อนเดินทางตามรอย ไปขอตรวจสอบ ที่ร้านรับซื้อของเก่า แห่งหนึ่ง ในตัวเมืองศรีสะเกษ โดยได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูลเป็นอย่างดี เพราะที่ร้าน เขียนป้านติดไว้ชัดเจน ว่า “ที่นี่ไม่รับซื้อของโจร” และได้ติดตามไปที่ตัวผู้ต้องสงสัย จนสามารถเชิญตัวมาสอบสวน ที่ สภ.อุทุมพรพิสัยน พร้อมนำของกลาง คือ รถจักรยานยนต์ ที่ถูกขโมยไป 1 คัน

จากนั้นขยายผลสามารถติดตามข้อกลางที่ขโมยไปมาเพิ่มได้อีก 2 คัน รวมได้ของกลาง 3 คัน ผู้ต้องหา ชาย 2 คน คนแรก นาย สิทธิพงษ์ วรรณแก้ว อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 บ้านผึ้ง หมู่ที่ 2 ตำบลรังแร้ง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ คนที่ 2 นาย สว่าง อัปประทัง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 บ้านคูซอด หมู่ที่ 4 ตำบลคูซอด อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ แต่คนที่ 3 ทราบชื่อ นาย กัมปนาถ อายุ 16 ปี กำลังอยู่ระหว่างการหลบหนี แนะนำให้เข้ามอบตัว พร้อมฝากเตือนเจ้าของรถจักรยานยนต์ทุกคัน จอดที่ไดก้ขอให้ล๊อคกุญแจ โซรถจักรยานยนต์ทุกครั้ง อย่าล้อโจร

พันตำรวจเอก นิลกาฬ พรศักดิ์ ผู้กำกับ สภ.อุทุมพรพิสัย เล่าถึงพฤติกรรมของแก้งขโมยรถจักรยายนต์ ครั้งนี้ ว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 เวลา 17.00 น. มีคุณยายกับหลาน ไปเกี่ยวหญ้าเพื่อมาให้โคกระบือ โดยได้ไปจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่ริมถนน ต่อมาเห็นมีวัยรุ่น ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา 2 คน และมาจอดข้างๆ ก่อนที่จะมานั่งทับรถตน โดยให้อีกคนหนึ่งขับรถ จยย. และใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ อีกคันของยาย หลบหนีไป ยาย กับ หลาน เห็นก็ร้องตะโกนให้คนช่วย และวิ่งไล่ตามไป แต่ไปไม่ทัน ก็ได้มาแจ้งความ ตนได้ประชุม และมอบหมายให้ชุดสืบ ไปไล่ดูกล้องวงจรปิด จนไปพบอยู่ในเขตอำเภอเมืองศรีสะเกษ

พร้อมสอบถามชาวบ้าน ร้านค้า มีใครที่ขับรถจักรยานยนต์ มาโดยคนหนึ่งขับ และใช้เท้าถีบรถอีกคันหนึ่งผ่านไปแถวไหนบ้าง จนสุดท้ายมีคนแจ้งเบาะแส ก่อนไปไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง ก็พบคนในลักษณะเช่นนั้น เมื่อได้ภาพ ได้ทิศทาง ก็ได้ติดตามไปจับกุมตัวมาสอบสวน ทั้งคู่รับสารภาพ

จากนั้นก็ประสานข้อมูลกับร้านรับซื้อขายของเก่าพบในเขตตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ ไปเจอรถอีกคันที่ถูกขโมยไปในวันเกิดเหตุ และเจออีก 1 คัน และเจ้าของร้านก็บอกว่ามีมาขายอีกคัน ที่หัวขโมยมาขายเช่นกัน จึงตรวจยึดมาเพิ่มได้อีก 2 คัน ต่อมาสอบสวนก็ติดตามไปยึดมาจากบ้านผู้ต้องหาได้อีก 1 คัน โดยพฤติกรรมแก้งนี้ จะไปลักขโมยเอารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ข้างถนน โดยใช้เท้าถีบพ่วงยันรถอีกคันกันไป โดยจะไปนั่งค่อม ก่อนดุว่ารถคันไหนไม่ได้ล๊อคกุญแจใดใด ก็จะใช้ถีบยันออกจากที่จุดจอด ก่อนนำไปขาย

โดยรถเก่าจะขายไปในราคา คันละ 1,000 – 1,500.-บาท แต่คันไหนใหม่ๆ หน่อย ก็จะขาย คันละ 2,000 -2,500.-บาท เท่านั้นจากราคารถ 20,000.-บาท ขึ้นไป โดยร้านขายของเก่า บางร้านที่รับซื้อไว้ เพราะเห็นว่าราคาถูก อาจจะสร้างกำไรได้ ก็จะขายต่อไปยังร้านชำแหละ แยกชิ้น หรือประกอบใหม่ สวมทะเบียนขาย เก็นรถมือสอง ก็ขอฝากเจ้าของรถ จอดที่ไหนต้องล๊อคกุญแจ เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย อย่าล่อหัวขโมย    

พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ ภาพ/ข่าว
เสนาะ วรรักษ์/รายงาน.