CIB รวบ 2 พี่น้อง "แก๊งถอนเงินสด" หลอกลงทุนเพจปลอม "โอ้กะจู๋"

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้ปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ในคดีหลอกลงทุนผ่านเพจเฟซบุ๊กปลอมของร้าน OHKAJU (โอ้กะจู๋) โดยรวบตัว 2 พี่น้องทำหน้าที่ถอนเงินสด และขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งที่สนามบินดอนเมือง ขณะเตรียมตัวหลบหนีไปต่างประเทศ

คดีนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ กก.3 บก.ปอท. ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกให้ลงทุนเทรดหุ้นผ่านโฆษณาใน Facebook ที่ใช้เพจปลอมของ "OHKAJU" โดยมีการหลอกให้โอนเงินค่าเปิดพอร์ตและค่าลงทุนหลายครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 680,000 บาท คนร้ายจะให้เหยื่อเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย (เช่น 699 บาท) และให้สามารถถอนเงินพร้อมกำไรได้จริงในครั้งแรก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะชักชวนให้ลงทุนเพิ่มขึ้นในหลักหมื่น หลักแสน จนถึงหลักล้านบาท โดยอ้างว่ามีกำไรสูงถึง 1.7 ล้านบาท

เมื่อเหยื่อต้องการถอนเงินก้อนใหญ่ คนร้ายจะอ้างว่าต้องโอนค่าธรรมเนียม 30% ($440,578 บาท) และเมื่อโอนแล้วยังสร้างข้ออ้างเพิ่มเติมว่าเหยื่อ "บันทึกช่วยจำไม่ถูกต้อง" เพื่อให้โอนเงินเพิ่มอีก จนผู้เสียหายเริ่มสงสัยและรู้ตัวว่าถูกหลอก

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าเงินจากบัญชีม้าแถวที่ 1 ถูกโอนต่อไปยังบัญชีของ นายธนโชติฯ อายุ 22 ปี (ม้าแถวที่ 2) ซึ่งมีการถอนเงินสดออกจากธนาคารรวม 1.14 ล้านบาท

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า นายธนโชติฯ เป็นผู้ถอนเงินด้วยตนเอง โดยมี น.ส.สรัลชนาฯ อายุ 31 ปี (พี่สาว) เป็นผู้พามาถอนและรับเงินสดไป ทั้งสองถูกจับกุมได้ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

จากการสอบสวนขยายผล นายธนโชติฯ และ น.ส.สรัลชนาฯ รับสารภาพว่า น.ส.สรัลชนาฯ เป็นผู้จัดหาคนเปิดบัญชีม้า และได้รับค่าจ้างในการถอนเงิน โดยมี น.ส.สุพัตตราฯ หรือ "แคท" อายุ 30 ปี (เพื่อนของพี่สาว) เป็นผู้ชักชวนให้หาคนเปิดบัญชีและถอนเงินสด เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจับกุมตัว น.ส.สุพัตตราฯ ได้ที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง ขณะกำลังจะเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม..., สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” ซึ่งมีโทษหนักทางกฎหมาย

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

