ยึดมหึมากว่าหมื่นล้าน!ที่ดิน 7,200ไร่ รถ 60 คัน คืนวัดพระบาทน้ำพุ

ยึดมหึมากว่าหมื่นล้าน!ที่ดิน 7,200ไร่ รถ 60 คัน คืนวัดพระบาทน้ำพุ





Image
ad1

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการร่วมกัน โดย กองบังคับการปราบปราม ประกอบด้วย กก.1 บก.ป., กก.2 บก.ป., กก.3 บก.ป., บก.ปอศ.,บก.ปอท., บก.ปปป., เจ้าหน้าที่ สตง., เจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ช., เจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ท. และ เจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ง.

พฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 11เมษายน 2568 ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยา และอาจารย์ประจำภาควิชาสังคมศาสตร์ (สาขาอาชญาวิทยา) คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง พาผู้ร้องเรียนเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลว่า นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ทูตสื่อวิญญาณ หรือ หมอบี” มีพฤติการณ์ทุจริตเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ

ที่ประชาสัมพันธ์เปิดขอรับบริจาคเงินผ่านโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊กชื่อเพจ “งมงาย สไตล์หมอบี” โดยอ้างว่าเป็นการร่วมทำบุญ โดยตนเองจะทำหน้าที่เป็นสะพานบุญ 
นำเงินที่ผู้ร่วมทำบุญโอนเงินเข้ามาในบัญชีที่ตนเองรับบริจาค ไปส่งมอบให้กับ วัดพระบาทน้ำพุ 
เพื่อที่ พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี จะนำไปใช้ช่วยเหลือ ผู้ป่วยโรคเอดส์ และตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของวัดพระบาทน้ำพุ

โดยนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ได้เปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี “ใจฟ้าอาทรประชานาถ 
โดย นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล” ในการรับเงินบริจาคจากประชาชนทั่วไป ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ถึง ปี 2568 มีประชาชนบริจาคเงินเพื่อทำบุญให้วัดพระบาทน้ำพุ และบริจาคเงินทำบุญอื่นๆ มียอดเงินหมุนเวียนเข้าบัญชี ดังกล่าว จำนวน 300 กว่าล้านบาท

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และ พนักงานสอบสวน ของ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม 
จึงได้ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการสอบพยานบุคคล ตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ จนพบมีมูลว่า 
นายเสกสันน์ หรือ หมอบี ทรัพย์สืบสกุล ไม่ได้นำเงินที่ได้จากการบริจาคไปมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุ ทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ตามที่กล่าวอ้าง โดยมีหลักฐานเชื่อว่านำเงินที่มีผู้บริจาคให้กับวัดพระบาทน้ำพุ 
ผ่านบัญชีธนาคารที่ตนเองเปิดมาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว บางส่วนนำไปมอบให้กับอดีตหลวงพ่ออลงกต 
เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

จากนั้น กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและพบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เมื่อรับเงิน ที่นายเสกสันน์ หรือ หมอบี ทรัพย์สืบสกุล นำมามอบให้ในฐานะตัวแทนของวัดพระบาทน้ำพุ กลับไม่นำเงินเข้าสู่ระบบ
ของวัดพระบาทน้ำพุ แต่พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ได้ทุจริต
เอาเงินที่รับมาทั้งหมด ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว อาทิเช่น นำไปให้บุคคลภายนอกกู้ยืม นำไปซื้อทรัพย์สินส่วนตัวโดยใส่ชื่อผู้อื่นถือครองไว้แทน เป็นต้น  

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม จนนำมาสู่การขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับนายเสกสันน์ และอดีตหลวงพ่ออลงกต และได้เปิดปฏิบัติการ “Operation Endgame: ปฏิบัติการคืนศรัทธา บอกลางมงาย สไตล์ CIB” ไปเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568พร้อมทั้งตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเพื่อหาพยานหลักฐานประกอบคดีจำนวน 17 จุด ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดลพบุรี
โดยจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับ จำนวน 2 ราย คือ

1.พระราชวิสุทธิประชานาถอลงกต พูลมุข (อลงกต ติกขปญโญ) หรือนายอลงกต พูลมุข    อายุ 65 ปี กระทำความผิดฐาน“เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบัง
ทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฟอกเงินและสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน”

2.นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี อายุ 43 ปี กระทำความผิดฐาน “ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฟอกเงินและสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด
ฐานฟอกเงิน

พร้อมตรวจยึดของกลางที่สำคัญ ดังนี้ 
1. ยานพาหนะรถยนต์ จำนวน 3 คัน รวมมูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท

2. เงินสด รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,562,350 บาท

3. กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 3 ใบ รวมมูลค่าประมาณ 4 แสนบาท

4. เช็คนำฝาก จำนวน 21 ใบ มูลค่า 52 ล้าน 

5. โฉนดที่ดินและเอกสารสิทธิ จำนวนทั้งสิ้น 23 ฉบับ พื้นที่ 323 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา รวมมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท และหลังจากการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้แล้วนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจ
สอบสวนกลาง ได้บูรณาการร่วมกัน เพื่อสืบสวนติดตามทรัพย์สิน ที่บุคคลอื่นมีชื่อถือครองไว้แทนวัดพระบาทน้ำพุ ให้นำกลับมาคืนสู่วัดพระบาทน้ำพุ จนเป็นที่มาของ การได้กลับคืนมาซึ่งโฉนดที่ดิน เอกสารถือครองที่ดิน ยานพาหนะจากผู้ถือครองแทน ดังนี้

1. โฉนดที่ดิน (น.ส.4 จ.) จำนวน 411 ฉบับรวมพื้นที่ 2,258 ไร่ 3 งาน 28.5 ตารางวา

2. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จำนวน 389 แปลง รวมพื้นที่ 4,957 ไร่ 2 งาน 74 ตารางวา

3. ยานพาหนะรถยนต์ และรถบรรทุก ร่วม 60 คัน

รวมที่ดินที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางติดตามเพื่อนำมาคืนสู่วัดพระบาทน้ำพุ ได้นั้น เนื้อที่ดิน รวมประมาณ 7,200 ไร่เศษ เมื่อตรวจสอบราคาประเมินที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและยานพาหนะ นั้น มูลค่ารวมประมาณกว่าหมื่นล้านบาท

การดำเนินการในครั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หาใช่เพียงมุ่งแต่จับกุมผู้กระทำผิดเท่านั้น 
แต่ยังคงช่วยเหลือติดตามทรัพย์ จากผู้ที่แอบแฝงถือครองไว้ รวมทั้งหาผลประโยชน์ที่มิชอบจาก
วัดพระบาทน้ำพุ เพื่อนำทรัพย์สินที่ซื้อด้วยเงินบริจาคของประชาชน ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้กับวัด นำกลับมาสู่วัด เพื่อบริหารจัดการให้ถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมายต่อไป อีกทั้งยังคงมุ่งสืบสวนขยายผลหาผู้กระทำความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการหาผลประโยชน์จากวัดพระบาทน้ำพุ ต่อไปอีกด้วย สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองใช้สิทธิขอให้การปฏิเสธ