ศรีสะเกษจัดพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่งเฉลิมฉลอง 243 ปีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสร้างเมืองศรีสะเกษ

0 22

จังหวัดศรีสะเกษจัดพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่งเฉลิมฉลอง 243 ปีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสร้างเมืองศรีสะเกษ

อนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ

วันนี้(18 พ.ย. 68) เพื่อเป็นการสืบสานเบิกฤกษ์เบิกชัย“ สู่ขวัญบ้าน บายศรีเมือง รุ่งเรือง 243 ปีการสร้างศรีสะเกษ ” นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นางโสภา ธรรมประจำจิต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะพ่อเมืองแม่เมืองได้นำข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ภาคธุรกิจเอกชน ประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง 9 แห่ง เพื่อขอพรจัดงานเฉลิมฉลอง 243 ปี ที่บรรพบุรุษได้สร้างบ้านแปลงเมือง นำความเจริญรุ่งเรืองจวบถึงปัจจุบัน โดยอนุชนคนรุ่นหลังต่างได้สืบสานรักษา และ ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาอัตลักษณ์วัฒนธรรมคน 4 เผ่าจนเป็นที่ประจักษ์

เริ่มต้นด้วยการประกอบพิธีบวงสรวงเจ้าที่และศาลพระภูมิประจำจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ต่อด้วยศาลหลักเมืองศรีสะเกษ , พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 , หลวงพ่อโต วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง , พระพ่อเมือง แม่เมือง , ต้นโพธิ์โบราณ หน้าศาลากลางจังหวัด , ศาลเจ้าปู่ตา หน้าโรงเรียนวัดหลวง , เจ้าแม่พระนางศรีสะเกศ และ ศาลเจ้ามูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน ขณะเดียวกันทุกอำเภอก็ได้พร้อมใจจัดพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละอำเภออีกด้วย งานเฉลิมฉลอง “ สู่ขวัญบ้าน บายศรีเมือง รุ่งเรือง 243 ปี ”กำหนดจัดระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2568 ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ

โดยได้ปรับและลดกิจกรรมต่างๆ เพราะอยู่ในช่วงถวายความอาลัยและประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยในวันที่ 19 พฤศจิกายน ช่วงเช้าจะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญบ้าน บายศรีเมือง รุ่งเรือง 243 ปี ด้วยพานบายศรีแบบอารยขอมผสมผสานความเป็นเมือง 4 เผ่าที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ขณะเดียวกัน ภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการจำหน่ายสินค้าโอทอป

โดยเฉพาะเสื้อผ้าพื้นถิ่นของแต่ละชนเผ่า หรือ ผ้าเบญจศรีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะหรือภูมิปัญญาโบราณแท้ๆ และชมการแสดงการบินโดรนแปรอักษร ในช่วงวันที่ 18 เวลา 20.00 น. และ 19 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.00 น. ผู้สนใจต้องไม่พลาด“ สู่ขวัญบ้าน บายศรีเมือง รุ่งเรือง 243 ปี ”ของชาวจังหวัดศรีสะเกษ