"อัจฉริยะ" ยื่นหลักฐานเด็ด! แฉตำรวจ 3 หน่วยงานเอี่ยวเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง

"อัจฉริยะ" ยื่นหลักฐานเด็ด! แฉตำรวจ 3 หน่วยงานเอี่ยวเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง





Image
ad1

"อัจฉริยะ" ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นหลักฐานสอบตำรวจ 3 หน่วยงาน พัวพันเส้นเงินเว็บพนันและเรียกรับผลประโยชน์ มั่นใจหลักฐาน "น็อค สตช." เตรียมแฉขบวนการซื้อขายตำแหน่งเต็มรูปแบบต่อหน้ากรรมาธิการตำรวจ 26 พ.ย. นี้ โดยพาดพิงถึง "พลตำรวจเอก-คุณหญิง-ภรรยาน้อย ก.ตร." เกี่ยวข้อง เชื่อมั่นทำให้การแต่งตั้งระดับรองผู้การฯ-สารวัตร 28 พ.ย. ต้องสะเทือนหรือถูกระงับ ยืนยันทำโดยไร้ใบสั่ง พร้อมรับผิดชอบทุกอย่างเอง

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อยื่นหนังสือและหลักฐานต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอให้ตรวจสอบตำรวจ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันและการเรียกรับผลประโยชน์

นายอัจฉริยะ ระบุว่ามีหลักฐานชัดเจนที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) โดยพาดพิงถึงนายตำรวจ 3 ราย คือ:

 - รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 มีชื่อรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์เป็นจำนวน 2 ล้านบาท

 - พันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) อดีตผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวนภาค 2 ในสมัยปฏิบัติการชุดของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ มีการทำเอกสารราชการปลอมเพื่ออายัดบัญชีเว็บพนัน ก่อนจะเรียก "ตบทรัพย์" 50% ของเงินในบัญชี

 - รองสารวัตร กองกำกับการ 1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.): อายัดบัญชีเว็บพนันออนไลน์ และเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงิน รายละ 100,000 บาท มากกว่า 300 เคส

นายอัจฉริยะเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรง พร้อมสั่งย้ายนายตำรวจที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลโยกย้ายตำแหน่ง

เมื่อถูกถามถึงการพัวพันของผู้บังคับบัญชาในคดีของรองสารวัตร สอท. นายอัจฉริยะยังไม่ขอเปิดเผย แต่ระบุว่าเงินจำนวนมหาศาลที่ถูกเรียกรับ ไม่น่าเชื่อว่ารองสารวัตรเพียงคนเดียวจะสามารถทำได้

นายอัจฉริยะยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกประชุมด่วนที่ สตช. เมื่อวานนี้ (วันที่ 17 พฤศจิกายน) ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) เรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้าย โดยยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง อ้างว่ารู้จักกับ พล.ต.ท. รายดังกล่าวเป็นอย่างดี และทราบว่ามีการ ขอ "ขึ้นราคาเก็บส่วย" เพิ่มขึ้น 20-30% จนทำให้ตำรวจในพื้นที่อึดอัด ก่อนจะมีข่าวเรียกรับเงินในการแต่งตั้งเป็นเงินสูงถึง 8 ล้านบาท

ประธานชมรมฯ ย้ำว่า ตนเองมีข้อมูลและหลักฐานที่จะ "น็อคสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ได้อย่างแน่นอน โดยในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ จะนำหลักฐานทั้งหมดไปเปิดเผยต่อที่ประชุมกรรมาธิการตำรวจ เพื่อเปิดโปงขบวนการซื้อขายตำแหน่งให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับรู้

หลักฐานดังกล่าวจะชี้ชัดถึงผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ ระดับพลตำรวจเอก, พลตำรวจโท, คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ "คุณหญิง" โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่ระบุว่า การขึ้นตำแหน่งจากรองผู้กำกับการไปเป็นผู้กำกับการ ต้องเสียเงิน 5-7 ล้านบาท และสามารถเลือกพื้นที่ "ทำเลทอง" ได้ ซึ่งขบวนการนี้มีมาตั้งแต่ปี 2567 จนถึงปัจจุบัน

นายอัจฉริยะ เชื่อมั่นว่า การเปิดเผยหลักฐานในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบให้การแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการถึงสารวัตรในวาระประจำปี 2568 ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ อาจถูกระงับ หรือ "ล้มกระดาน" อย่างแน่นอน

นายอัจฉริยะยืนยันว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ ไม่มี "ใบสั่ง" จากฝ่ายใด และพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น พร้อมระบุถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งเพิ่มเติมว่า ประกอบด้วย

 - พลตำรวจเอก ในราชการ

 - พลตำรวจโท (อดีตตำรวจ) ปัจจุบันเป็นประธานการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนทั่วประเทศ

 - ภรรยาน้อยของ ก.ตร. ที่ไม่ใช่ อดีตตำรวจ แต่มีพฤติกรรมแอบอ้างชื่อสามีในการซื้อขายตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะปฏิเสธว่าไม่เคยรับเงินจากนายตำรวจระดับผู้บัญชาการ เพื่อแลกกับการงดเว้นการเปิดเผยข้อมูลการทุจริตการแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด