ผบ.ตร. โต้เดือดยันไม่ใช่ลิเก ปมขายตำแหน่ง ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องทำ

ผบ.ตร. เปิดใจหลัง สตช. ตกเป็นหลุมระเบิด ยันตนไม่ใช่ลิเก ปมขายตำแหน่งตัวผู้พูดเคยทำ ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องทำ ย้อนถามยืนปฎิญาณตนผิดอะไร ไม่เห็นด้วย กมธ.ถ่ายทอดสด
ตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดใจครั้งแรก หลังช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีภาคสังคม ภาคประชาชนหลายส่วนโจมตีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนเป็นเหมือนหลุมระเบิด ระบุว่า ต้องยอมรับว่าเราทำงานใกล้ชิดกับกฎหมาย เรามีอำนาจหน้าที่บังคับใช้กฎหมายแน่นอนว่าอาจจะไปกระทบกระทั่งกับคนที่ไม่เห็นด้วยหรือเห็นต่างหรือกระทำผิด
อาจมีคนใช้โอกาสนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้แจกแจงรายละเอียด ยิ่งโจมตีจนทำให้ประชาชนผู้ฟังเชื่อไปตามนั้นโดยที่ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และตัดสินไปแล้วว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ดี

ส่วนที่มีบุคคลมากล่าวหาว่าตนมีคำพูด การกระทำเหมือนพระเอกลิเกที่แสดงต่อประชาชน เรื่องนี้ตนเป็นตำรวจ พ่อเป็นตำรวจ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นตำรวจ ถ้าจำความได้ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเล่นลิเก เล่นไม่เป็น ลิเกมีบทละครให้ผู้แสดงและให้ความสุขกับพี่น้องประชาชนที่มานั่งดู การเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเราใช้สมองในการทำงาน สั่งกำชับให้หน่วยปฏิบัติภายใน ทำในสิ่งที่ดี ที่ชอบ ที่ควร ตามกฎหมายและต้องดูแลพี่น้องประชาชน ตนไม่ใช่ตัวละครลิเก ไม่ใช่ผู้กำกับหนัง
บางคนที่คิดว่าตนเองกำลังเล่นลิเก หรือเล่นหนังอยู่ ผบ.ตร. ย้อนถามว่า ตัวคนพูดเองเป็นลิเกอยู่หรือเปล่า ผมยืนยันว่าทุกวินาทีผมคิดแต่เรื่องที่จะทำให้องค์กรดีขึ้น หากเจอหลุมระเบิดก็จะต้องพยายามทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเราเป็นหน่วยงานที่ยืนยันอย่างมั่นคงและต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ดีให้ได้
ส่วนที่หลายคนออกมาวิจารณ์ภาพตำรวจยืนปฏิญาณอุดมคติตำรวจหน้าเสาธงว่าเป็นการแก้ภาพลักษณ์ตำรวจที่ไม่ถูกจุด ตนเคยให้นโยบายปรับทัศนคติไปแล้วให้ตำรวจตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ฉะนั้นการที่พวกเขาออกมายืนพูดข้อปฏบัติมันผิดอย่างไรส่วนตนกลับสนับสนุน เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ใครสั่งการ แต่อยู่ที่การกระทำ ซึ่งตำรวจที่ออกมาทำพวกเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร
ทั้งนี้เรื่องที่มีบุคคลระบบว่าองค์กรตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรม ตนหวังว่าตำรวจที่ทำงานอยู่ก็คงจะรู้สึกไม่ดี หลายหน่วยจึงต้องออกมาปฏิญาณตนออกมายืนยันตนเอง แต่ข้าราชการตำรวจคนใดที่มีพฤติกรรมแอบแฝงอยู่ถ้าใครมีข้อเท็จจริงหรือหลักฐานปรากฏตนก็จะต้องดำเนินการถึงที่สุด

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวยืนยันว่า เรื่องรับผลประโยชน์ ปูอย่ากินเลือดปูอย่าเอาผลประโยชน์ที่เราจับกุมมาใช้กับตนเอง ตำรวจคนไหนเรียกรับเงินจากการแต่งตั้งตนพูดได้เลยว่าเป็นเรื่องที่โง่สุดๆ เพราะตัวเองกำชับมาตลอดว่าห้ามปฏิบัติอย่างนั้นเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะมีการลงโทษหนัก
ตนได้สอบถามโดยตรงกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และรองผู้บัญชาการฯ ทั้งหมดยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนี้การที่เรียกมาไม่ได้หมายความว่าทำผิดแต่เรียกมาสืบทราบความจริง ตนได้กำชับแล้วว่าทุกคนต้องให้สัจจะวาจาให้คำมั่น ว่าจะไม่ทำเรื่องเหล่านี้เพราะว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสียชั่วร้าย
เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ตาม หรือแม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นตนเองจะไม่มีการไว้หน้ากัน ประเด็นนี้ตนอยากฝากบอกว่า ใครที่พูดอย่าคิดว่าตัวเองทำ คนอื่นก็จะต้องทำ อย่าไปจินตนาการแบบนั้น แน่นอนว่าถ้าตำรวจคนไหนเคยทำก็จะรู้ขั้นตอน ตนไม่รู้ขั้นตอนเพราะตนไม่เคยทำในลักษณะใดๆ และตนเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ถ้าผู้บัญชาการภูธรภาค 8 คนปัจจุบันทำ แน่นอนว่าก็คงจะต้องโง่สุดๆเพราะตนก็ต้องมีหูเมตตา
ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาจะโกหกหรือไม่พูดความจริง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่าจะไม่มีการละเว้นให้ใคร แม้แต่คนที่เป็นเพื่อนตัวเอง การที่จะตนจะลงโทษ ข้าราชการตามโซเชียลเป็นไปไม่ได้ เราต้องหนักแน่นในหลักการ พร้อมยืนยันว่าผู้บัญชาการภาค 8 จะยังอยูที่เดิมไม่มีการโยกย้ายตามกระแสข่าว
ในประเด็นเรื่องการแต่งตั้งส่วนที่มีผู้กล่าวหาว่า พล.ต.อ. พล.ต.ท. และ ภรรยาน้อย ของ ก.ตร. บางท่าน เรียกรับผลประโยชน์ ในวาระที่จะถึงนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการกล่าวหา หากใครมีพยานหลักฐานให้นำมาแสดง หากเผยแพร่ไปลอยๆคนก็จะเชื่อโดยไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ที่ให้ข้อมูลนำหลักฐานมาแสดง
เรื่องตำรวจกว่า 200 นายที่อาจจะข้องเกี่ยวกับเว็บพนันที่มีอดีต ผบ.ตร. อาจเข้าไปเกี่ยวข้อง เรื่องดังกล่าวอยู่ในคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) หน่วยงานที่เกิดขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติตำรว ไม่ได้เกี่ยวกับตำรวจ ฉะนั้นเรื่องต่างๆที่เข้าไปในก.ร.ตร. จะไม่เกี่ยวกับผบ.ตร. แต่หากผลสอบสวนแล้วเสร็จ ตร. จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโทษทัณฑ์
ส่วนการที่ผบ.ตร.ออกมาแถลงข่าววันนี้หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดกระแสสังคมมากว่า 2 สัปดาห์ จะช้าไปหรือไม่จนทำให้สังคมสับสนและอาจยากต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้องค์กรแล้ว ผบ.ตร. ระบุว่า การชี้แจงไม่ได้เร็วหรือช้า รวมทั้งความเชื่อแต่ละคนไม่สามารถบังคับกันได้ การที่ออกมาชี้แจงวันนี้เป็นการคลายข้อสงสัยอย่างมุ่งมั่นของตนในฐานะหัวหน้าหน่วย
ส่วนที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร จะเชิญผบ.ตร. ให้ชี้แจงวันที่ 26 พ.ย. หากตนเองไม่ติดภารกิจจะไปด้วยตนเองแต่หากติดภารกิจจะมอบหมาย แต่อยากฝากถึงทั้งองค์ประชุมกรรมาธิการ และตำรวจที่ไปชี้แจง ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว แต่จุดประสงค์ที่เชิญคือการประชุมฉะนั้นเรื่องการเผยปพร่หรือถ่ายทอดสด ตนไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ แต่สิ่งที่พูดในที่ประชุมค่อนข้างเหม่ข้อกฎหมาย เนื่องจากบางเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม
ส่วนเรื่องที่มีภาพ ผบ.ตร. ถ่ายรูปกับผู้ต้องหาคดีเว็บพนัน และอื่นๆ เรื่องนี้ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ตนมองว่าตำรวจเป็นคนสาธารณธไม่ทราบว่าใครร้าย หรือ ดี พร้อมย้อนถามว่าถ่ายภาพคู่กันเฉยๆ ผิดหรือไม่ หากจะผิดมองว่าต้องมีพฤติกรรมอะไรที่แสดงถึงการเกื้อหนุน มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง มีการกินเลี้ยง มีการต่อยอดใกล้ชิดกันบ่อย สิ่งนั้นถึงจะเรียกว่าผิด

