เกษตรกรตรังรวมกลุ่มปลูกโกโก้ในสวนยาง-ปาล์มพร้อมแปรรูปส่งขายรายได้พุ่ง

เกษตรกรตรังรวมกลุ่มปลูกโกโก้ในสวนยาง-ปาล์มพร้อมแปรรูปส่งขายรายได้พุ่ง





Image
ad1

สวนยางพาราในพื้นที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรังของ "นางพะยอม วารินสะอาด" กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตโกโก้ในรอบ 15 วัน เพื่อนำไปผ่าเอาแต่เมล็ดนำไปตากแห้ง แล้วส่งขายให้กับบริษัท โดยพบว่าเป็นการจับมือรวมกลุ่มกันของเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และชาวสวนยางในพื้นที่อำเภอห้วยยอด จากหลายตำบล เพื่อรวบรวมผลผลิตในนามกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพะยอมทอง

นอกจากทางกลุ่มจะใช้วิธีการนำโกโก้ไปตากแดดธรรมชาติแล้ว ยังมีการประยุกต์ทำห้องอบเอง โดยการใช้ไม้ทำเป็นโรงเรือนขนาดเล็ก แล้วภายในทำเป็นชั้นๆ สำหรับตากเมล็ด ก่อนหุ้มล้อมรอบโรงเรือนด้วยพลาสติกอย่างหนา ทำให้ได้โรงอบเมล็ดโกโก้อย่างง่ายด้วยภูมิปัญหาของสมาชิกในกลุ่ม แถมยังช่วยลดรายจ่ายได้ด้วย

นางพะยอม ในฐานะประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพะยอมทอง บอกว่า เดิมทีตนเองมีพื้นที่นาอยู่ประมาณ 8 ไร่ แต่ต่อมาถูกน้ำท่วมขังทุกปี ทำให้ทำนาไม่ได้ จึงได้เปลี่ยนมาปลูกยางแทน แต่ก็ต้องประสบกับปัญหาสภาพดินแข็ง และแม้จะปลูกหญ้าแล้ว ก็ยังไม่ค่อยได้ผล จึงอยากหาพืชชนิดอื่นมาปลูกเพื่อช่วยปรับปรุงดิน จึงลองนำโกโก้พันธุ์ชุมพร 1 มาปลูกแซม ปรากฏว่า ใบดก ทรงพุ่มหนาดี และให้ผลผลิตดี

 จากนั้นจึงได้ปลูกโกโก้จนเต็มพื้นที่ ในบริเวณระหว่างร่องยาง ตั้งแต่ปี 2562 แต่ต่อมาประสบปัญหาด้านราคา และไม่มีตลาดรองรับ ทำให้โกโก้ปลูกปล่อยทิ้ง ไม่ได้ดูแลเท่าที่ควร แต่ตอนนี้กลับมาบำรุงเต็มที่ ทำให้สามารถเก็บผลผลิตได้ทุกๆ 15 วัน รอบละประมาณ 300 กว่ากิโลกรัม สร้างรายได้เสริมให้เดือนละประมาณ 6,000-7,000 บาท ซึ่งถือว่าน่าพอใจ เพราะจากที่มีรายได้ทางเดียวจากยาง แต่ก็มามีรายได้เสริมจากโกโก้ด้วย

โดยในหน้าฝนโกโก้จะให้ผลผลิตออกมามาก แต่ในช่วงหน้าแล้งอาจมีผลผลิตน้อยลง แต่หากได้ปรับปรุงระบบน้ำให้ดี ก็จะออกผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ขณะเดียวกันใบโกโก้ที่ร่วงหล่นคลุมดิน ยังย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย ช่วยเพิ่มความชื้นให้กับดิน และทำให้ดินดีขึ้น จนส่งผลดีต่อต้นยางที่ปลูกร่วม ทำให้ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้น หลังจากตนเองได้ปลูกโกโก้แซมลงไป 400 กว่าต้น ซึ่งครึ่งหนึ่งเก็บผลผลิตได้แล้ว โดยมีเปลือกบาง เนื้อเยอะ เมล็ดโต

ต่อมาจึงได้มีการชักชวนเพื่อนสมาชิกให้มาปลูกโกโก้แซมในสวนยาง และสวนปาล์ม แล้วร่วมกันจัดตั้งกลุ่มอย่างเป็นทางการ ล่าสุดมีสมาชิกทั้งหมด 22 คน เพื่อผลผลิตของตนเอง และรวบรวมผลผลิตจากสมาชิก ที่รับซื้อผลสดมาในราคา กก.ละ 9 บาท แล้วจะแกะเอาเมล็ดออก ก่อนนำไปหมัก และนำไปตากแห้ง เพื่อแปรรูปส่งขายให้แก่บริษัทที่มารับถึงที่ในราคาเมล็ดตากแห้ง กก.ละ 160 บาท รวมประมาณรอบละเกือบ 2,000 กก. (รอบละ 15 วัน)

ปัจจุบันเริ่มมีเกษตรกรสนใจมาปลูกโกโก้กันมากขึ้น เพราะต่างมั่นใจในตลาด และผู้ว่าฯ ตรัง เองก็ออกมาส่งเสริมให้มีการปลูก โดยให้นโยบายไว้ว่าในปี 2570 จะขยายพื้นที่ปลูกให้ถึง 1,800,000 ต้นเลยทีเดียว อีกทั้งโกโก้ก็ปลูกไม่ยาก แค่ 3 ปี ก็เก็บผลผลิตได้แล้ว

โดย....คนิตา สีตอง

.