แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 12 สัญชาติหนีข้ามฝั่งเข้าไทยหลังทหารเมียนมาถล่มเคเคปาร์คหนัก

ทหาร ราชมนู สกัดจับชาวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 12 สัญชาติรวม 39 คนลักลอบเข้าเมืองไทยผิดกฎหมาย หลังเดินเท้าหนีมาจากเคเคปาร์คโดนทหารเมียนมาถล่มหนัก

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 . สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก ทหารไทยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราขมนู) ได้จับกุมชาวต่างชาติที่ลักลอบข้ามมายังฝั่งไทย ขณะลาดตระเวนที่ไร่ 70 บ้านแม่ตาว ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยพบจำนวน 39 คน ประกอบด้วย ชาย 34 คน , ผู้หญิง 5 คน จำนวน 12 สัญชาติ ประกอบด้วย ปากีสถาน 12 ราย, อินเดีย 2 ราย, เนปาล 2 ราย, อูกันด้า 3 ราย, เซาท์ซูดาน 1 ราย, เคนย่า 12 ราย, อียีปต์ 1 ราย, เวียดนาม 3 ราย, คาซัคสถาน 1 ราย, บุรูนดี 1 ราย และรวันด้า 1 ราย

ชาวต่างชาติได้ให้การยอมรับว่าแอบลักลอบข้ามมาฝั่งไทย โดยภายหลังจากที่มีการปราบปรามใน KK ปาร์ค ทำให้มีการนำกลุ่มชาวต่างชาติ มาไว้ที่เมืองเมียวดี แต่ไม่รู้ว่าจะได้เดินทางกลับบ้าน หรือประเทศต้นทางเมื่อไหร่ จึงทำให้ตัดสินใจหนีออกมา โดยใช้ช่องทางธรรมชาติข้ามมายังฝั่งไทย เพื่อหาช่องทางกลับประเทศ อย่างเช่น ชาวปากีสถาน ได้มีการติดต่อสถานทูตเอาไว้แล้ว ขณะที่บางคนเดินทางมาเป็นสแกมเมอร์ในเคเคปาร์ค เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเกิดการปราบปรามในพื้นที่ก่อน

สำหรับชาวต่างชาติกลุ่มนี้ หลายคนระบุว่า เห็นโฆษณา หรือได้รับข้อเสนอ ให้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ เพราะพูดภาษาอังกฤษได้ หรือเป็นฝ่ายดูแลลูกค้า แต่เมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ กลับถูกนำตัวมาที่ อ.แม่สอด และข้ามช่องทางธรรมชาติ ไปยังประเทศเมียนมา และถูกยึดพาสปอร์ต บังคับให้ทำงาน โดยที่ในช่วงแรกนั้น ไม่สามารถติดต่อใครได้ และไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจพาสปอร์ต และแจ้งข้อกล่าวหาเป็นต่างด้าวเดินทางเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต และบางรายโดนข้อหาโอเวอร์สเตย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการคุมตัวทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก(ด่านแม่สอด) ทำการสืบสวน-สอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

