ฝนกระหน่ำสงขลา 7 อำเภอจ่อวิกฤต-พัทลุง “อ่วม” น้ำหลากท่วมเมือง ปภ.เตือน 5 อำเภอเสี่ยงน้ำป่า–ดินถล่ม

ฝนกระหน่ำสงขลา 7 อำเภอจ่อวิกฤต-พัทลุง “อ่วม” น้ำหลากท่วมเมือง ปภ.เตือน 5 อำเภอเสี่ยงน้ำป่า–ดินถล่ม





Image
ad1

สงขลา 7 อำเภอจ่อวิกฤต  ระดับน้ำริมทะเลสาบสงขลาหนุนสูง  พัทลุง “อ่วม” น้ำหลากท่วมเมือง–ถนนจม 40–50 ซม. โรงเรียนปิดกว่า 10 แห่ง ปภ.เตือน 5 อำเภอเสี่ยงน้ำป่า–ดินถล่ม เทศบาล “ควนเสาธง” ระดมพล “กระสอบทราย” บรรเทาน้ำท่วมหนัก 11 หมู่บ้าน

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 สถานการณ์น้ำท่วม จ.พัทลุง ได้มีความรุนแรง หลังฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันที่ 18 พฤศจิกายน ส่งผลให้ปริมาณน้ำสะสมเพิ่มสูง ถนนสายหลัก–สายรองในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ถูกน้ำไหลหลากท่วมผิวจราจร ระดับน้ำสูง 40–50 เซนติเมตร หลายจุดรถเล็กสัญจรลำบาก บางสายต้องปิดการจราจรชั่วคราวเนื่องจากน้ำระบายไม่ทัน

ด้านสถานศึกษาได้รับผลกระทบหนัก โรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงประกาศปิดเรียนเกือบทั้งหมด ขณะที่โรงเรียนในอำเภอรอบนอกทยอยปิดเพิ่ม โดยเฉพาะโรงเรียนสตรีพัทลุงซึ่งถูกน้ำท่วมภายในบริเวณโรงเรียน ต้องปรับเป็นการเรียนออนไลน์จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ล่าสุดหลายพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง ปริมาณน้ำฝนบางอำเภอมากกว่า 100 มิลลิเมตร ทำให้ดินอุ้มน้ำในพื้นที่สูงเต็มความจุ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุงประกาศเตือน 5 อำเภอริมเทือกเขาบรรทัด ได้แก่ อ.กงหรา ป่าบอน ตะโหมด ศรีนครินทร์ และ อ.ป่าพะยอม ให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก–ดินโคลนถล่ม ขณะที่อีก 6 อำเภอตอนกลางและตอนล่าง เตือนประชาชนในพื้นที่ติดแม่น้ำ–ลำคลอง ระวังน้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนในช่วงนี้.

และซึ่งมีผลกระทบในช่วงวันที่ 19 - 23  พฤศจิกายน  2568  จังหวัดพัทลุงเกิดสถานการณ์อุทกภัยเป็นบริเวณ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน10,3387 ครัวเรือน 25,808 คน จำนวน 8 อำเภอ 36 ตำบล 171 หมู่บ้าน 8 ชุมชน คือ อ.เมือง ควนขนุน กงหรา เขาชัยสน ศรีนครินทร์ บางแก้ว ป่าบอน และ อ.ปากพะยูน 

และ จ.พัทลุง ได้ประกาศเรื่องเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อ.กงหรา เป็นอำเภอแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ถูกน้ำท่วมหนักและระดับน้ำสูง จำนวนหลายหมู่บ้าน หมู่ที่ 2,3,4,5 ตำบลกงหรา หมู่ที่ 2, 4, 6  ตำบลคลองทรายขาว หมู่ที่  4, 5 ,6 ,8  ต.ชะรัด ซึ่งภัยดังกล่าวเป็นภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน บ้านเรือน พื้นที่การเกษตร ประมง ปศุสัตว์ สิ่งสาธารณประโยชน์ และขณะนี้ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินดังกล่าวยังไม่ยุติเนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติโดยเร่งด่วน

ทางด้านเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12  เร่งติดตั้งเครื่องสูงน้ำขนาดใหญ่ บริเวณข้างทางถนนสายเพชรเกษม  พัทลุง - ตรัง  ช่วงบริเวณหน้าโรงพยาบาลศรีนครินทร์ อ.ศรีนครินทร์ เพื่อระบายน้ำป่าที่ไหลหลากลงจาเทือกบรรทัด ซึ่งจุดดังกล่าว เมื่อเกิดฝนหนักในพื้นที่เกิดน้ำท่วมผิวถนนระดับสูง และเป็นระยะทางยาว บางช่วงรถรถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถผ่านได้ จึงเป็นเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนและสามารถสันจรได้ตลอด 24 ชั่วโมง

และจากที่เกิดฝนตกหนักติดต่อกันทั้งคืนทั้งที่ผ่านมาให้เกิดน้ำท่วมผิวถนนสายเพชรเกษมฝั่งทางเดินไปยังจังหวัดตรัง บริเวณหน้าโรงเรียนคลองลำยุง ระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร รถยนต์สามารถผ่านได้ ขณะที่บริเวณสี่แยกโพธิ์ทอง เส้นทางอำเภอควนขนุน ไปยังอำเภอศรีบรรพต น้ำท่วมผิวถนนระดับน้ำสูงประมาณ 30 – 40 ซม. รถยนต์ยังสามารถผ่านได้

แนวโน้มสถานการณ์อุทกภัยจากการประเมินสถานการณ์และปริมาณฝนในพื้นที่ จ.พัทลุง ยังคงมีฝนตกในพื้นที่ต่อเนื่อง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และฝนตกหนักมากบางแห่ง อาจเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมขัง และน้ำลันตลิ่ง ถนนสามารถสัญจรได้ทุกเส้นทาง และจังหวัดพัทลุงได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สถานศึกษานั้นประเมินอีกครั้งว่าจะยังปิดการเรียนการสอน ต่อไปอีก 1 วัน หรือไม่

นายหร้อหีม นวลดำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลควรเสาธง อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ทางเทศบาล ได้เตรียมความพร้อมในการป้องกันภัยน้ำท่วมได้ระดมเจ้าหน้าที่เทศบาล พนักงาน เทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล และประชาชน เพื่อบรรเทาโดยการแจกจ่ายกระสอบให้กับผู้ประสงค์ที่ต้องการทั้งจำนวน 11 หมูบ้าน ในเขตความรับผิดชอบ

และก่อนนั้นได้ดำเนินการขุดลอกตคูคลองระบายน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกทางน้ำไปทุกพื้นที่ความเสี่ยงแล้ว และจะมีมาตรการช่วยเหลืออำนวยความอย่างทันท่วงทีในด้านต่าง ๆ 

ส่วนที่ จ.สงขลา รายงาจากสำนักงงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา เปิดเผยว่า หลังจากฝนตกมา 2 วันกว่าและน้ำจาก จ.พัทลุงไหลลงทะเลสาบ  ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ตำบลริมทะเลสาบสงขลา อ.สิงหนคร สทิงพระ กระแสสินธุ์ ระโนด ควนเนียงและ หาดใหญ่  อ.รัตภูมิ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ให้ยกทรัพย์สินที่มีค่าขึ้นที่สูง ระวังไฟฟ้า ดูแลกลลุ่มเปราะบาง เนื่องจากยังพลกุลุ่มฝนในพื้นที่ และให้ระวังดินโคลนถล้มในพื้นที่ริมคลองและที่ลาดเชิงเขา และในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่มีระดับน้ำท่วมผิวจราจรหลายซอย ถนนกาญจนวาณิชหน้าปั้มควนหินน้ำท่วมผิวจราจรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวังเพิ่มขึ้น

เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 20 พ.ย. ประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกฉบับที่ 8 (66/2568) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2568)
ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนหนักมากบางแห่ง ดังนี้

ช่วงวันที่ 20-23 พ.ย.68 มีฝนหนักหลายพื้นที่ และมีฝนหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช  พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ขอให้ประชาชนระวังอันตรายที่เกิดจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมาก ฝนตกสะสม และลมกระโชกแรง ซึ่งอาจทำให้พื้นที่เสี่ยงภัยเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มในพื้นที่ลาดเชิงเขา

คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 20-23 พ.ย.68

รายงานข่าวจากสำนักงานทรัพยากรน้ำ(สทน.) ภาค 8 จ.สงขลา เปิดเผยในการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงภาคใต้ปี 2568 ที่ จ.นครศรีธรรมราช  ว่าจากการประเมินสภาพอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า ในช่วงวันที่ 18–23 พ.ย. 68 พื้นที่ภาคใต้จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้

จากการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักล่วงหน้า 3 วัน (ช่วงวันที่ 18-20 พ.ย. 68) พบว่า ในบางพื้นที่ของ จ.ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, สตูล, ยะลา และนราธิวาส จะมีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 200 มม.