ผู้ว่าฯสงขลาสั่งอพยพคนหาดใหญ่ 100%หนีมวลน้ำมหึมาจากอ.สะเดาไหล่ผ่านคลองร.1สูงต่อเนื่อง

ผู้ว่าฯสงขลาสั่งอพยพคนหาดใหญ่ 100%หนีมวลน้ำมหึมาจากอ.สะเดาไหล่ผ่านคลองร.1สูงต่อเนื่อง





Image
ad1

ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เผยสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ยังคงวิกฤต สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมดไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมระดมกำลังทหารจาก มทบ.42 กองทัพเรือ และมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าช่วยเหลือประชาชนเต็มพื้นที่

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568  นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ โดยระบุว่า หลังจากน้ำลดลงในช่วงเช้าวานนี้ ประชาชนบางส่วนเริ่มกลับเข้าบ้าน เพื่อทำความสะอาดบ้านเรือน  แต่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 03.00 น. มวลน้ำจากอำเภอสะเดาเริ่มไหลเข้าท่วมพื้นที่หาดใหญ่ ผ่านคลอง ร.1 และคลองอู่ตะเภา ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีระดับสูงกว่าครั้งที่ผ่านมา

 เพื่อรับมือสถานการณ์ดังกล่าว เช้าวันนี้ มีการประชุมประเมินสถานการณ์ที่ศูนย์บัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 42 (มทบ.42) โดยสั่งการให้อพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมดไปยังศูนย์พักพิงอย่างเร่งด่วน ศูนย์พักพิงหลักตั้งอยู่ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ รองรับประชาชนได้ประมาณ 5,000 คน ส่วนศูนย์สำรองที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา รองรับได้ประมาณ 2,000 คน นอกจากนี้ยังมีศูนย์สำรองเพิ่มเติมจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เน้นย้ำว่าการอพยพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากระดับน้ำคาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงเวลา 16.00 น. ขณะนี้มีการระดมกำลังจากหน่วยทหารกว่า 100 คัน พร้อมเรือ ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ รวมถึงการสนับสนุนจากกองทัพเรือ และมูลนิธิร่วมกตัญญู

สำหรับสถานการณ์การระบายน้ำ หากฝนหยุดตกและน้ำทะเลไม่หนุน การระบายน้ำจะคล่องตัวมากขึ้น โดยน้ำจากคลอง ร.1 จะสามารถไหลลงทะเลได้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม หรือสิ่งจำเป็นอื่น ๆ สามารถแจ้งมายังศูนย์บัญชาการ มทบ.42 ได้โดยตรง และขอความร่วมมือให้ผู้นำท้องถิ่น สมาชิกสภาเทศบาล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้นำชุมชน ประสานข้อมูลของประชาชนที่ตกค้าง เพื่อให้การช่วยเหลือครอบคลุมทุกพื้นที่

 นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ย้ำว่า “ขอให้พี่น้องประชาชนอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด เพื่อให้การบริหารจัดการและการช่วยเหลือทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด”

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขล/ข่าว-ภาพ