นราธิวาสอ่วม! น้ำท่วมลุกลาม 12 อำเภอเสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ราย

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเข้าสู่ภาวะวิกฤต หลังมีฝนตกหนักกระจายทั่วทั้ง 13 อำเภอตลอดหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้พื้นที่ต้นน้ำสำคัญอย่างอำเภอสุไหงโก-ลกและอำเภอแว้งเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยที่ อ.แว้ง มีการติดตั้ง ธงสีเหลือง ตลอดแนวแม่น้ำ เพื่อเตือนประชาชนริมตลิ่งให้เตรียมอพยพ หลังระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เหลือห่างจากตลิ่งเพียง 0.35 เมตร
ขณะเดียวกัน แม่น้ำสายหลัก 2 สาย คือ แม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำบางนรา ได้เอ่อล้นตลิ่งแล้ว ส่งผลให้น้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนขยายวงกว้าง ครอบคลุม 12 อำเภอ 61 ตำบล 379 หมู่บ้าน 46 ชุมชน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 76,639 ครัวเรือน รวม 274,546 คน

น่าเศร้า ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ในพื้นที่ อ.ระแงะ คือ ด.ช.มูฮัมหมัดริฟกิ สาแล๊ะ อายุ 9 ปี พลัดตกน้ำขณะเดินออกจากบ้านที่ถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดผ่าน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ราย
ด้านเส้นทางคมนาคมได้รับผลกระทบหนัก ถนนสายหลักและสายรองถูกตัดขาดรวม 31 สาย โดยเฉพาะ อ.บาเจาะ ที่มีถนน 3 สายไม่สามารถสัญจรได้ ได้แก่
- ถนนเอเชียสาย 42 ช่วงต้นไทร–สายบุรี
- เส้นทางต้นไทร–ปะลุกาสาเมาะ
- เส้นทางต้นไทร–ไม้แก่น

ส่วน อ.สุคิริน ถนนสายบูเก๊ะตากับสาวอนอกถูกน้ำกัดเซาะทางเบี่ยงที่กำลังก่อสร้างสะพานจนเสียหาย พื้นที่เกษตรเสียหายแล้ว 1,092 ไร่
ผลกระทบด้านการศึกษา โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส 101 แห่งต้องปิดเรียนไม่มีกำหนด ส่งผลกระทบเด็กนักเรียนกว่า 4,902 คน และครูบุคลากรอีก 600 คน เบื้องต้นประเมินความเสียหายกว่า 8.08 ล้านบาท

ในพื้นที่ อ.บาเจาะ ผู้สื่อข่าวพบว่าชาวบ้านจำนวนหนึ่งต้องอพยพครอบครัวและสัตว์เลี้ยงขึ้นมาพักอาศัยริมถนน โดยมีการจัดตั้งเต็นท์เป็นที่พักชั่วคราว นายอาหามะ สนิ หนึ่งในผู้ประสบภัย เล่าว่า
“น้ำปีนี้หนักกว่าปีก่อน พอรู้ข่าวว่าฝนจะตกหนักวันที่ 27 ก็รีบยกของขึ้นที่สูงไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงเสียหายหมด”
หลายครอบครัวยังคงเฝ้ารอการช่วยเหลือ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐและจิตอาสายังคงเร่งเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนตลอดทั้งวันทั้งคืน


