ศรีสะเกษเดินหน้าปลุกพลัง ‘สังคมปลอดความรุนแรงต่อสตรี’
ศรีสะเกษเดินหน้าปลุกพลัง ‘สังคมปลอดความรุนแรงต่อสตรี’ ผู้บริหารจังหวัดร่วม Kick-off ระดับชาติ รับนโยบายนายกรัฐมนตรี
จังหวัดศรีสะเกษได้เข้าร่วมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญระดับประเทศ ว่าด้วย “การยุติความรุนแรงต่อสตรี” ผ่านการประชุม Kick–Off รับมอบนโยบายจากรัฐบาล โดยนายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ มอบหมายให้ นายธาตรี สิริรุ่งวนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เข้าร่วมประชุมรับนโยบาย ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามกรอบการรณรงค์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งกำหนดวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีสากล” ขณะที่ประเทศไทยกำหนดให้เดือนพฤศจิกายน เป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว” สอดคล้องกับภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยใน Action 5 ด้านความมั่นคงเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้แนวคิด “ทุกชีวิตต้องปลอดภัย ศักดิ์ศรีไม่ถูกละเมิด”
การประชุม Kick-off ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน เปิดนโยบายการยุติความรุนแรงต่อสตรีในระดับพื้นที่อย่างเป็นทางการ พร้อมขอให้ทุกจังหวัดเร่งบูรณาการการทำงาน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค อปท. และเครือข่ายประชาชน เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงอย่างแท้จริง
จากจังหวัดศรีสะเกษ มีผู้บริหารและเครือข่ายด้านสตรีเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นางภนันท์ยา สิริรุ่งวนิช รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย ปลัดจังหวัด นางทรัพย์สิน โพธิ์ขาว พัฒนาการจังหวัด นางนริตา ไตรสรณกุล ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด รวมถึงผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตลอดจนเครือข่ายสตรีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมในพิธีอย่างพร้อมหน้า
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดศรีสะเกษในการยกระดับการทำงานด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรี ตั้งแต่การสร้างความเข้าใจบทบาท กลไกการทำงานร่วมกัน ไปจนถึงการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้การคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของผู้หญิงในพื้นที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จังหวัดศรีสะเกษจะนำข้อสั่งการและนโยบายที่ได้รับในวันนี้ ไปขับเคลื่อนในระดับพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อให้สังคม “ปลอดความรุนแรงต่อสตรี” เกิดขึ้นได้จริงและยั่งยืน
เสนาะ วรรักษ์/รายงาน
