"ไทย–กาตาร์" กระชับสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์ เตรียมเดินหน้าทำ MOU หลังห่างหายกว่า 45 ปี

คณะกลุ่มมิตรภาพฯ ไทย–กาตาร์เข้าหารือรองประธานสภาที่ปรึกษากาตาร์ เดินหน้าความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งพลังงาน–เศรษฐกิจ–สาธารณสุข พร้อมผลักดัน MOU ให้เกิดขึ้นในการประชุมสมัยหน้า

นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา และประธานกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาไทย–กาตาร์ เปิดเผยถึงผลการเดินทางเยือนประเทศกาตาร์ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารกลุ่มมิตรภาพฯ ซึ่งประกอบด้วยทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา โดยได้เข้าพบ ดร.ฮัมดา บินต์ ฮัสซาน อัล-ซุลัยติ รองประธานสภาที่ปรึกษาแห่งรัฐกาตาร์ และสมาชิกกลุ่มมิตรภาพกาตาร์–เอเชีย เพื่อหารือแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในระดับรัฐสภาอย่างรอบด้าน

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองชาติ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านพลังงาน เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข และการพัฒนาสังคมในมิติต่าง ๆ พร้อมเห็นพ้องร่วมกันว่า ควรเร่งผลักดันให้มีการจัดทำ บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสองสภาในอนาคตอันใกล้ เพื่อยกระดับความร่วมมือให้ก้าวหน้าเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ รองประธานสภาที่ปรึกษาแห่งรัฐกาตาร์ยังกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาทั้งสองฝ่าย ที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความร่วมมือในเวทีพหุภาคี เช่น การประชุม APA ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเสถียรภาพภูมิภาค พร้อมตอบรับคำเชิญจากฝ่ายไทยให้เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป เพื่อขยายการหารือในประเด็นที่สนใจร่วมกัน
"การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อภารกิจสำคัญจากการเยือนกาตาร์ของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นคณะระดับสูงชุดแรกที่เดินทางไปก่อนหน้านี้ ทำให้กลุ่มมิตรภาพฯ ไทย–กาตาร์เป็นคณะลำดับที่สองที่ได้เชื่อมสัมพันธ์เชิงลึกกับฝ่ายกาตาร์ โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเปิดกว้างต่อความร่วมมือในอนาคต"นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว

สำหรับ ด้านสาธารณสุข นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพโดดเด่นและสามารถใช้เป็นจุดขายสำคัญ เนื่องจากชาวกาตาร์นิยมเดินทางมารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลชั้นนำของไทยจำนวนมากกว่า 40,000 คนต่อปี นอกจากการรักษาแล้ว ครอบครัวของผู้ป่วยยังใช้โอกาสนี้ท่องเที่ยวภายในประเทศไทย ทำให้เกิดรายได้ต่อเนื่องในภาคท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งรัฐบาลไทยสามารถต่อยอดเพื่อเพิ่มรายได้และขยายฐานตลาดได้เป็นอย่างดี เพราะถือเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง
ในด้านการเกษตร ก็มีช่องทางความร่วมมืออีกมาก เนื่องจากกาตาร์มีข้อจำกัดด้านพื้นที่เพาะปลูกเพราะเป็นประเทศทะเลทราย หากไทยสามารถเปิดตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นให้กับกาตาร์ได้ จะเป็นประโยชน์กับทั้งภาคเกษตรและเศรษฐกิจไทยโดยตรง

อย่างไรก็ตาม การเดินทางเยือนกาตาร์ครั้งนี้นับเป็น “ก้าวแรกในรอบ 45 ปี” ที่จะปูทางไปสู่การลงนาม MOU อย่างเป็นทางการในการประชุมสมัยหน้า อันจะนำไปสู่การขยายความร่วมมือทุกมิติระหว่างสองประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

