กรมชลฯ เดินหน้าบูรณาการแหล่งน้ำบางพลวงปราจีนบุรีแก้น้ำท่วมยั่งยืน

“กรมชลประทาน” เดินหน้าโครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บ างพลวง จ.ปราจีนบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน

นายพิเชษฐ รัตนปราสาทกุล ผู้อำนวยการสำนักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม กรมชลประทานนำคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้างานสำรวจ ออกแบบโครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมาย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำและบรรเทาน้ำท่วมขังในพื้นที่ที่เกิดขึ้นเป็นประจำเกือบทุกปี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฎรที่อยู่ในเขตพื้นที่โครงการและบริเวณใกล้เคียง และเพื่อลดปัญหาการย้ายถิ่นฐานของราษฎร โดยการส่งเสริมให้ราษฎรในท้องถิ่นมีอาชีพ การเกษตรกรรมมากขึ้น

ทั้งนี้ในการดำเนินโครงการได้จัดให้มีกิจกรรมการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งจากผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาโครงการ เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในแนวทางต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการแก้ปัญหาและนำไปสู่การจัดทำแผนการพัฒนาโครงการ ก่อนนำไปสู่การเสนอโครงการกับคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่ออนุมัติแผนการพัฒนาต่อไป

นายพิเชษฐ กล่าวว่ากรมชลประทานได้มอบให้กิจการร่วมการค้า FCSPB JV ดำเนินการสำรวจ ออกแบบ โครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการย่อยของโครงการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งในแม่น้ำปราจีนบุรีและแม่น้ำสาขา จังหวัดปราจีนบุรี

“สำหรับแผนการออกแบบโครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง ซึ่งเป็นองค์ประกอบในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่บางพลวง โดยการปรับปรุงขุดลอกคลอง เพิ่มสถานีสูบน้ำที่ปตร.เดิม อาคารควบคุมน้ำในแต่ละโซน เพิ่มสถานีสูบน้ำที่ปตร.เดิม ประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำ และประตูระบายน้ำวัดไผ่ขวาง ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ ในจังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมโหสถ อำเภอบ้านสร้าง และ 2 อำเภอ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ อำเภอราชสาส์น และอำเภอบางคล้า” นายพิเชษฐ กล่าว

ด้านนายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี พอถึงช่วงฤดูฝนก็จะเกิดน้ำท่วม พอถึงช่วงฤดูแล้งน้ำเค็มหนุน ก็เกิดปัญหาภัยแล้งอีก ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมง ที่ผ่านมาประสบปัญหาทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง ต่อมาในระยะหลังมีก่อการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยโขมง ก็ช่วยบรรเทาปัญหาได้ระดับหนึ่ง ต้องขอชื่นชมกรมชลประทานที่ได้จัดทำโครงการดังกล่าว เชื่อว่าถ้าโครงการนี้สำเร็จก็จะเกิดประโยชน์อย่างมากทั้งในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว จันทบุรีนครนายก ฉะเชิงเทราและชลบุรี

ลักษณะและองค์ประกอบของโครงการ ประกอบด้วย
1)การปรับปรุงขุดลอกคลอง ในพื้นที่โครงการบางพลวง จำนวน 8 สาย ความยาวประมาณ 130 กม. ใช้การปรับปรุงขุดลอกคลองทั้งหมด 4 แบบ
2)เพิ่มสถานีสูบน้ำที่ปตร.เดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับน้ำเข้าพื้นที่โครงการบางพลวง จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สถานีสูบน้ำ ปตร.หาดยาง สถานีสูบน้ำ ปตร.บางพลวง และสถานีสูบน้ำ ปตร.หอทอง
3)อาคารควบคุมน้ำในแต่ละโซน เพื่อเป็นควบคุมน้ำในแต่ละโซน ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3070, 319 และ 3076 จำนวน 18 แห่ง และ ปตร.บางต้นจิก
4)เพิ่มสถานีสูบน้ำ ที่ปตร. เดิม จำนวน 4 แห่ง และประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำ จำนวน 1 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำลงแม่น้ำบางปะกง
5)ประตูระบายน้ำวัดไผ่ขวาง กั้นคลองท่าลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ

ทั้งนี้แผนงานสำรวจ ออกแบบโครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง มีกำหนดระยะเวลา 720 วัน (ปี 2567-2569) ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 20 กันยายน 2569 หลังจากนั้น จะนำเสนอโครงการฯ ต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เสนอเปิดโครงการต่อคณะรัฐมนตรี จัดเตรียมเอกสารประมูล เตรียมการก่อสร้าง และดำเนินการก่อสร้างโครงการต่อไป ซึ่งหากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะช่วยการกักเก็บน้ำในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากเป็นการชั่วคราวและนำน้ำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่บรรเทาปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำบางส่วน และเพิ่มปริมาณเก็บกน้ำในคลองที่ปรับปรุงทั้ง 8 สายเพิ่มขึ้น และกระจายน้ำเข้าคลองธรรมชาติในพื้นที่บางพลวงรวม 51 คลอง ทำให้พื้นที่ในโครงการบางพลวงมีน้ำใช้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วทั้งพื้นที่บางพลวง

ทางด้านนายวิษณุ เข็มเงิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงกระทงยาม เปิดเผยว่า ตำบลดงกระทงยามและตำบลหาดยางมีจำนวน 11 หมู่บ้าน ประชากร 5,000 กว่าคน 1,000 กว่าครัวเรือน โครงการประตูระบายน้ำบ้านวังชัน นับว่าเป็นโครงการที่ดี เป็นความโชคดีของชาวบ้านที่รอคอยมานาน อยากจะฝากถึงกรมชลฯ ให้ดำเนินการโครงการนี้สำเร็จ เพราะเกษตรกรทั้ง 2 ตำบล ทำนา 2 แสนไร่ มีความต้องการใช้น้ำ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่อย่างมาก ถ้าในอนาคตมีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรอย่างยั่งยืน

นายจักรกฤษณ์ แก่นวงค์ ประธานกลุ่มบริหารการ ใช้น้ำชลประทาน ตำบล ดงน้อย/กรรมการลุ่มน้ำ บางปะกงภาคเกษตรกรรม กล่าวว่า ในพื้นที่ตำบลดงน้อย อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ทำนาลุ่มสลับดอน นาปีกับนาปรังอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ถ้าน้ำฝนมาช้า เกษตรกรต้องปรับการทำนาให้เร็วขึ้น จากปลูกข้าว 4 เดือน มาเป็น 3 เดือน หรือ 100 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงฤดูน้ำหลาก ช่วงฤดูทำนาปรังก็ไม่มีน้ำต้นทุน จึงต้องใช้น้ำจากแม่น้ำบางปะกง ถ้าทำนาช้าก็เกิดความเสี่ยงน้ำเค็มรุกล้ำในพื้นที่ เราจึง มองว่าเป็นอุปสรรคอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ชลประทานก็ตาม แต่เป็นคลองธรรมชาติ มีพื้นที่สูงๆ ต่ำๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่ประสบอยู่เป็นประจำ สำหรับโครงการนี้ เป็นโครงการขยายคลองเดิมให้มีความสามารถในการระบายน้ำได้ดีขึ้น ปรับปรุงประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำเพิ่มเติม ซึ่งตรงกับความต้องการของเกษตรกรและกลุ่มผู้ใช้น้ำ


