"ปธม."ชูนโยบายเรื่องปากเรื่องท้อง “สร้างรายได้เพิ่ม-ลดรายจ่ายที่ยั่งยืน” ทุกครัวเรือนทั่วไทย

ปธม.รณรงค์หาเสียงชูธงสะบัดนโยบายเรื่องปากเรื่องท้อง “สร้างรายได้เพิ่ม-ลดรายจ่ายที่ยั่งยืน” ทุกครัวเรือนทั่วไทยถือครอง “หุ้นพลังงาน เบี้ยครองชีพรายเดือน 3,000 บาท อินเตอร์เนตไม่มีค่าใช้จ่าย บริการศึกษาถึงปริญญา
นายปราโมทย์ หนูเลิศ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) ผู้ดูแลภาคใต้ เปิดเผยว่า ทาง พรรค ปธม.มีความพร้อมส่งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แล้วจำนวน 221 เขต ทางภาคอีสาน ภาคเหนือ และกรุงเทพ และในส่วนทางภาคใต้ จ.พัทลุงมีความพร้อมเช่นกันที่ เขต 3 ซึ่ง นายปราโมทย์ หนูเลิศ รอง หัวพรรค ปธม.จะลงสมัครเอง ส่วน จ.สงขลา และ จ.นครศรีธรรมราช อยู่ระหว่างดำเนินการ
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า กลยุทธ ปธม.ในการณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่นโยบายสำคัญ ด้วยการปักธงเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายโดยประชาชนทุกครัวเรือนจะต้องได้ถือครองหุ้นพลังงาน เพื่อเป็นรายได้ประจำที่ไม่ต่างกับสวัสดิการ โดยครัวเรือนที่ ราคาน้ำมันจะมีราคาที่ปรับตัวขึ้นหรือปรับตัวลง ประชาชนผู้ถือหุ้นจะมีรายได้ทั้งสิ้น ประชาชนเติมน้ำมันทุกครั้งจะมีรายได้ทุกครั้ง
“ในการถือครองหุ้นพลังงานน้ำมันคือบริษัท พลังงานแห่งชาติ จำกัด โดยผู้ถือหุ้นประชาชนทุกครัวเรือนร่วมกับรัฐบาลเป็นเสาหลัก
โดยหุ้นละ 1 บาท โดยประชาชนครัวเรือนจะสะสมเงินวันละ 1 บาท จะได้ 1 หุ้น 30 วัน 1 เดือน จะได้ถือครองหุ้น 30 หุ้น ถ้า 1 ปี 365 วัน หุ้น จำนวน 365 บาท จะเป็นผู้ครองถือหุ้นสะสม จำนวน 1 ปี ประชาชนครัวเรือนจะได้รับเงินปันผลตอบแทนเข้าครัวเรือนเป็นรายประประจำทุกปี

“เป็นการสร้างงานสร้างรายได้เพิ่มรายได้ที่เป็นช่องทางยั่งยืนมั่นคง เป็นอนาคตที่ดีทุกคนต่างมีความประสงค์มุ่งหวัง”
นายปราโมย์ กล่าวอีกว่า เป็นนโยบายที่พรรค ปธม.จะทำการรณณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชนครัวเรือนให้อยู่ในใจในความทรงจำไปทั่วประเทศ ในฤดูการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ และประชาชนทั่วประเทศจะได้ตัดสินเพื่ออนาคตของตนเองและครัวเรือน และเพื่ออนาคตภาพรวมเศรษฐกิจทั้งประเทศ
“เมื่อประชาชนครัวเรือนทั่วประเทศมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพราะจะมีรายได้ทุกครั้งเมื่อเข้าไปเติมน้ำมัน ประชาชนได้จ่ายเงินของตนเองแล้วก็หมุนกลับหาประชาชนอีกรอบหนึ่งต่างก็มีความหวังและต่างมีอนาคตที่ดี เศรษฐกิจประเทศก็มีอนาคตตามด้วย”
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนโยบายหลักทุกครัวเรือนต้องได้ถือครองหุ้นพลังงานแล้ว ยังมีนโยบายฟรีค่าอินเตอร์เน็ต การฟรีอินเตอร์เนตจะเป็นการลดรายจ่ายให้กับครัวเรือน ประชาชนเมื่อลดรายจ่ายได้ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มรายได้ เช่น บางรายค่าอินเตอร์เนต 200 บาท และ 600 บาท / เดือน
บางครัวเรือน มี 2 และถึง 3 ราย รวมเป็นเงินกว่า 500 บาทและถึง 1,000 บาท เมื่ออินเตอร์เนตฟรีไม่ต้องจ่ายเท่ากับเป็นการเพิ่มรายได้เดือนละ 500 และถึง 1,000 บาทให้กับกระเป๋าตนเองและครัวเรือน จะเป็นสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่งที่เพิ่มขึ้น และเรื่องนโยบายเมื่ออายุครบ 60 ปี ก็รับเบี้ยยังชีพ 3,000 บาททุกเดือน และการศึกษาเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรี และในแต่ละจังหวัดที่ยังไม้มีโรงเรียนการกีฬา จะมีโรงเรียนการกีฬา เป็นต้น
“เมื่อดูแล้วศึกษาแล้ว นโยบายทั้งหมดต่างเป็นสร้างรายได้ทั้งลดรายจ่าด้วยย ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มรายได้ ซึ่งต่างเป็นนโยบายที่มีความหวังที่มีอนาคตและสามารถดำรงอยู่ได้ดีท่ามกลางเศรษฐกิจสภาพที่ไม่แน่นอนตามกลไก เมื่อประชาชนครัวเรือนอยู่ได้ดีก็จะเกิดความเข้มแข็ง ประเทศก็จะแข็งแกร่งมั่นคง” นายปราโมทย์ กล่าว.

