“เพื่อไทย”เปิดตัวครบสส.เขต 500 คนบวกบัญชีรายชื่อ “ยศชนัน”โชว์วิสัยทัศน์

“เพื่อไทย”เปิดตัวครบสส.เขต 500 คนบวกบัญชีรายชื่อ “ยศชนัน”โชว์วิสัยทัศน์





Image
ad1

พรรคเพื่อไทยเปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ครบ 500 คน ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 "ศ.ดร.ยศชนัน" แสดงวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนประเทศผ่าน 4 นโยบายหลัก ได้แก่ การดูแลคนฐานราก, การส่งเสริมเศรษฐกิจเดิม, การสร้างเศรษฐกิจใหม่ และบทบาทภาครัฐในการสร้างความเชื่อมั่น

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรมประกาศความพร้อมสูงสุดในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 โดยได้จัดงานเปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ครบทั้ง 500 คน ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ชูนโยบายหลักภายใต้สโลแกน “เพื่อไทยทำได้ ทำให้ไทยยิ่งใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคนทั้งพรรค”

ทั้งนี้ บรรยากาศ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แกนนำคนสำคัญของพรรคได้ขึ้นเวทีกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ นำโดย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ได้ย้ำถึงยุทธศาสตร์และความพร้อมของพรรคในทุกมิติ

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การปราศรัยของ ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ความเป็น “ผู้นำ” ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้

ศ.ดร.ยศชนัน ได้กล่าวกับว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั้ง 500 คนว่า อยากให้ทุกคนมั่นใจว่าเราจะทำได้ เราไม่ได้เดินลำพัง วันนี้พี่น้องไทยรักไทยกลับมา ร่วมกับเลือดใหม่ของพรรคเพื่อไทย เรากำลังยืนบนไหล่ยักษ์ ที่จะช่วยให้พวกเราเห็นเส้นทางแห่งความหวังได้ชัดเจนที่สุด ไม่ว่าลูกหลานเราจะเกิดขึ้นที่ไหน เขาต้องเติบโตขึ้นมาได้อย่างเท่าเทียมกัน ร่วมกันสร้างประเทศที่ดีให้ลูกหลานเราอีกครั้งด้วย 2 มือของพวกเรา

ศ.ดร.ยศชนัน กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรคเพื่อไทยว่า พรรคกำหนดการขับเคลื่อนประเทศภายใต้กรอบ 100 นโยบาย โดยมุ่งดำเนินการใน 4 เรื่องหลัก ประการแรก คือการดูแลประชาชนฐานรากและเกษตรกร ซึ่งยังคงเป็นหัวใจของพรรคเพื่อไทย โดยย้ำว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องเริ่มจากฐานล่าง เปรียบเสมือนการเคลื่อนปิรามิดต้องขยับทั้งฐาน และการรดน้ำต้องรดที่ราก ผ่านมาตรการล้างหนี้ทั้งระบบ การลดรายจ่าย และการเพิ่มรายได้ในทุกมิติ

ประการที่สอง คือการส่งเสริมเครื่องยนต์เศรษฐกิจเดิม ทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคบริการ โดยเพิ่มประสิทธิภาพด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประการที่สาม คือการสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ โดยมุ่งพัฒนาเกษตรมูลค่าสูง เช่น สมุนไพรและอาหารทางการแพทย์ อุตสาหกรรมมูลค่าสูง อาทิ เครื่องมือแพทย์ เซมิคอนดักเตอร์ และ AI รวมถึงภาคบริการมูลค่าสูงอย่าง Wellness Economy และ ประการที่สี่ คือบทบาทของภาครัฐในการสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นคง และหลักนิติธรรม ควบคู่กับการลงทุนในการพัฒนาคน ระบบสวัสดิการ โครงสร้างพื้นฐาน และการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจมูลค่าสูงในระยะยาว

ขณะที่ นายสุริยะกล่าวย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้เลือกแค่คน แต่คือเลือก ทิศทางประเทศ ในด้านนโยบาย รอบนี้เราทำการบ้านหนักขึ้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมา หลายนโยบายพร้อมสานต่อได้ทันที นอกจากนี้ยังมีนโยบายโค้งสุดท้ายอีกหลายตัวที่พร้อมเปิดอยากให้พี่น้องประชาชนรอติดตาม

“จากประสบการณ์ที่ผมผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ผมมั่นใจว่า ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมที่สุดในประวัติศาสตร์ พร้อมเดินหน้านำเสนอวิสัยทัศน์ที่ดีที่สุด และนโยบายที่เหมาะสมที่สุด เพื่อพาประเทศไทยไปต่ออย่างมั่นคง และจากโพลที่เราทำการสำรวจมาหลายต่อหลายครั้ง ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน”นายสุริยะกล่าว

ขณะที่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สําคัญมาก สําหรับอนาคตประเทศไทย เราไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพียงเพื่อเปิดตัวผู้สมัคร แต่เรามาเพื่อประกาศกับคนไทยทั้งประเทศว่า พรรคเพื่อไทย พร้อมแล้ว ประเทศไทย พร้อมแล้ว การเปลี่ยนแปลง กําลังเริ่มต้นจากตรงนี้

“พวกเรามีทั้งคนรุ่นเก๋า คนรุ่นใหม่ ผ่านบทเรียนทั้งเจ็บปวด และภาคภูมิใจ เรามีความหลากหลาย แต่มีจิตวิญญาณเป้าหมายที่เหมือนกันมีแต่พวกเรา ที่จะนําพาประเทศหลุดพ้น จากความยากจน จงอย่ากลัวการพัฒนา มีแต่พวกเราที่จะพาประเทศของเราไปข้างหน้า พวกเราคือพรรคเพื่อไทย มีแต่พรรคเพื่อไทยที่ทําได้”นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตลอดเส้นทางการเมืองของพวกเรา ตั้งแต่รัฐบาลของนายกทักษิณ นายกสมัคร นายกสมชาย นายกยิ่งลักษณ์ จนถึงรัฐบาลของนายกเศรษฐา และรัฐบาลของนายกแพทองธาร มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ว่า เราเป็นพรรคการเมืองเดียว ที่ทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเติบโต เราเป็นพรรคการเมืองเดียว ที่ทำสวัสดิการโดยรัฐสำเร็จผ่านโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เราเป็นพรรคการเมืองเดียว ที่ทำโครงการ Micro Credit ประสบความสำเร็จ ผ่านนโยบายกองทุนหมู่บ้าน และเราปฏิรูประบบราชการสำเร็จผลงานของพรรคเพื่อไทย สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมไทย อย่างมีนัยสำคัญ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ประเทศไทย “ยกเครื่องได้จริง”

.