สื่อนอกเกาะติดใกล้ชิด กกต.ไทย จะสอบ ‘พิธา’หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปมถือหุ้น ไอทีวี

สื่อนอกเกาะติดใกล้ชิด กกต.ไทย จะสอบ ‘พิธา’หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปมถือหุ้น ไอทีวี





ad1

รอยเตอร์และอัลจาซีราเกาะติด กกต.ไทย จะตรวจสอบ ‘พิธา’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปมถือหุ้นสื่อ ITV หลังนำพรรคก้าวไกล คว้าชัยชนะเลือกตั้ง 2566

สำนักข่าวรอยเตอร์และอัลจาซีรา เกาะติดสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)จะตรวจสอบ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกลว่ามีคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค. ที่ผ่านมาหรือไม่ จากประเด็นปทถือหุ้นสื่อไอทีวี 

อัลจาซีรา รายงานว่า นายพิธา วัย 42 ปี ซึ่งนำพรรคก้าวไกลคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา จนสร้างความตื่นตะลึงให้กับแวดวงการเมืองไทยกำลังเผชิญกับข้อร้องเรียนหลายเรื่องจากฝ่ายตรงข้าม  ถึงแม้ 11 มิถุนายน 2566 กกต. ได้มีมติ ไม่รับ 3 คำร้องกรณีนายพิธาถือหุ้นสื่อไอทีวี เนื่องจากได้ยื่นคำร้องเกินระยะเวลาที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา อีกทั้ง กกต. ยังได้ตีตก 4 คำร้องสอบยุบพรรคก้าวไกลไปแล้วก็ตาม

แต่ใช่ว่า พิธา จะเคลียร์จากข้อกล่าวหาไปด้วย โดยกกต.จะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่านายพิธา เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ จากประเด็นที่เขาถือหุ้นสื่อไอทีวี ซึ่งเป็นข้อห้ามในรัฐธรรมนูญของไทย ที่ห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

นายพิธา ชี้แจงว่า หุ้นไอทีวี 42,000 หุ้นเป็นมรดก จากบิดาที่เสียชีวิต โดยศาลได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้จัดการมรดกของบิดาและได้รับมอบหมายจากทายาทให้ถือครองไว้แทนทายาทอื่น ขณะที่ สถานีโทรทัศน์ช่อง ITV ก็ยุติการออกอากาศมาตั้งแต่ปี 2550 นอกจากนั้น พิธายังโพสต์เฟซบุ๊กแจงเรื่องหุ้นไอทีวีว่า ได้โอนหุ้นไอทีวีให้ทายาทอื่นไปแล้ว

ทั้งนี้หากพิธาถูกตัดสินว่าผิดเขาจะมีโทษจําคุกสูงสุด 10 ปี และไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลานานถึง 20 ปี