“อนุทิน มท.1”ยันเร่งตรวจสอบเช็คบิล “ฮั้วประมูล-มาเฟีย” ยึดหลักฐานชัด บังคับกฎหมายเฉียบขาด

“อนุทิน มท.1”ยันเร่งตรวจสอบเช็คบิล “ฮั้วประมูล-มาเฟีย” ยึดหลักฐานชัด บังคับกฎหมายเฉียบขาด





ad1

“มท.1” ยันเร่งตรวจสอบเช็คบิลฮั้วประมูล-มาเฟีย รับต้องยึดหลักฐานชัด บังคับใช้กฎหมายเฉียบขาด ใช้ความรู้สึกตัดสินไม่ได้ ลั่นหากพบจนท.เอี่ยวฟันตามกม. ด้าน “ชาดา” เผยลุย “ทำบัญชี-จัดกลุ่มสี” ผู้มีอิทธิพลทั่วไทยคืบแล้ว20-30 เปอร์เซ็นต์ ตอบปมถูกแทรกแซงล็อบบี้กาชื่อออก “ใครจะมาใหญ่กว่าผม คือผมตัวใหญ่นะ”

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 เมื่อเวลา 09.40น. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการฮั้วประมูลในพื้นที่เชื่อมโยงนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ตามนโยบายปราปบรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศว่า จะนำไปสู่การขยายผล ขณะนี้ก็ตรวจสอบหมดทั้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดของกระทรวงมหาดไทย ตรงไหนมีการเข้าข่ายฮั้วประมูล กีดกัน วางสเป็ค ใครเสนอราคามาแล้วไปเตะเขาออกแล้วไปให้คนที่สูงกว่า ก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน โดยตนจะดูแลเรื่องนี้เอง ส่วนจะวางกรอบระยะเวลาเท่าไหร่นั้น ขณะนี้เราได้เริ่มดำเนินการแล้ว ขึ้นอยู่กับข้อมูล ในทางราชการเสียอย่างหนึ่งคือต้องมีหลักการมาประกอบ ใช้ความรู้สึกไม่ได้ เพราะความรู้สึกคิดได้หมด มั่นใจด้วย แต่ต้องมีเอกสารมาประกอบ จึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย ตนถึงต้องดำเนินการเอง ดังนั้นในภาพรวมเราจะต้องขอข้อมูลทุกฝ่ายทุกที่

“โครงการต่างๆที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามามีเยอะมาก บางครั้งมีการทักท้วงแล้วก็ยังเดินหน้าต่อไป ไม่ให้ความสำคัญกับการทักท้วง ก็ต้องดำเนินการ ถ้าไปถามใครเขาก็ว่าถูกทุกคน เพราะเขาทำมาแล้ว ดังนั้นเราต้องหาหลักฐานเพื่อให้เห็นว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้อง ผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่หลักฐานที่ต้องควานหามาให้ได้ ผลจะเป็นอย่างไร ผมก็จะตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานขึ้นมาดู” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าหากพบว่ามีคนในไปเอี่ยวจะดำเนินการคาดโทษอย่างไร รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ก็เป็นไปตามกฎหมายทั้งนั้น ยังไงก็ต้องเอี่ยว เพราะของพวกนี้มันต้องร่วมกัน การทุจริตทำฝ่ายเดียวไม่ได้

เมื่อถามถึงแนวทางป้องกันในอนาคต นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องปลูกฝังเพื่อที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมให้มากที่สุด ใครที่ทำสิ่งไม่ดี ไม่ถูกต้อง ต้องดำเนินการด้วยกฎหมายที่เฉียบขาดให้เร็วที่สุด บางครั้งมันย้อนแย้งกัน บางทีกว่าจะรู้ว่าทุจริต โครงการก็สร้างเสร็จไปหมดแล้ว แล้วจะให้ไปทุบตึกทิ้งหรือ ในเรื่องการดำเนินคดี โชคดีหน่อยที่คดีไม่มีอายุความ ก็ต้องวางแนวทางต่อไปว่าใครจะมาทำต่อ ใครไม่ทำก็ถือว่าละเว้น

เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยได้สั่งการและดำเนินการแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปลงรายละเอียด ตรงนี้อยู่ในนโยบายหลัก ตนมีหน้าที่ติดตาม เร่งรัดให้มีการตรวจสอบโดยเร็ว ตรงไหนแก้ได้ก็ต้องแฟร์ ไม่ใช่ต้องผิดทุกคน เราต้องยึดหลักฐาน ไม่มีอะไรชัดเท่าหลักฐาน


ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย กล่าวในรายละเอียดถึงนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการแล้ว นายอนุทิน ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว และเป็นประธาน โดยตนเป็นรองประธาน มีปลัดกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ขณะที่การดำเนินการ จะเริ่มรวบรวมรายชื่อจากบัญชีเดิมเพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลง เช่น เสียชีวิตไปแล้ว เลิก หรือหายจากวงการไปหรือไม่ จากนั้นจะมาสำรวจข้อมูลใหม่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มสี เช่น สีแดง สีเหลือง แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เคยเป็นผู้มีอิทธิพลแต่เลิกไปแล้วด้วย รวมถึงกวาดบ้านดูแลหน่วยงานของตัวเองก่อน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่นทั่วประเทศ

เมื่อถามว่าในการกวาดบ้านตัวเอง ที่จังหวัดอุทัยธานี ได้ดำเนินการแล้วหรือไม่ นายชาดา กล่าวว่า ของอุทัยธานีจบแล้ว แบ่งกลุ่มสีแดง สีเหลือเรียบร้อยแล้ว พบว่าสีแดงมีน้อยมาก และหลายๆจังหวัดก็ดำเนินการอยู่ ยืนยันว่าเราจะดำเนินการจัดกลุ่มสีพร้อมกันทั้งประเทศ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายเปิดกว้าง ไม่เหมือนในอดีต ในการมาเปิดชื่อ ต้องมีความระมัดระวัง

“ไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ผมมีความเป็นธรรมอยู่แล้ว ปิดผมไม่ได้ ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลจัดกลุ่มสีของผู้มีอิทธิพล ไปแล้วประมาณ 20-30เปอร์เซ็นต์ สำหรับกรอบระยะเวลาการดำเนินการจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้น เราจะดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่าไปบีบเขา” นายชาดา กล่าว