อลังการ!“มธุปายาส” สืบสานพุทธประเพณีวัน “ วิสาขบูชา”วัดเขากง

อลังการ!“มธุปายาส” สืบสานพุทธประเพณีวัน “ วิสาขบูชา”วัดเขากง





Image
ad1

พุทธศาสนิกชน ร่วมกิจกรรมกวนข้าว “มธุปายาส” สืบสานพุทธประเพณีวัน “ วิสาขบูชา” ด้าน พ่อเมืองนราฯ สั่งด่วน ทุกหน่วยงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเคร่งครัด

สมาพันธ์ไทยพุทธนราธิวาสจัดกิจกรรมประเพณีกวนข้าวมธุปายาส(ข้าวทิพย์)ถวายเป็นพระพุทธบูชา "วันวิสาขบูชา" ปี 2568    ณ วัดพุทธมณฑลจังหวัดนราธิวาส (วัดเขากง) ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดย นายวิจิตร สกุลแก้ว ประธานสมาพันธ์ไทยพุทธ นราธิวาส นายกรีฑา แดงดี รองประธานสมาพันธ์ไทยพุทธ นางประนอม คำจุ่น ประธานโฆษกชาวบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ร่วมกับ พระครูวิสิฐพรหมคุณ เจ้าอาวาส วัดพรหมนิวาส และ พุทธสมาคมจังหวัดนราธิวาส พร้อม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

และคณะกรรมการฯ ที่ปรึกษาฯสมาพันธ์ องค์กรและพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนราธิวาส ร่วมประเพณีกวนข้าวมธุปายาส(ข้าวทิพย์)ถวายเป็นพระพุทธบูชา "วันวิสาขบูชา" โดยมี นายภูมิศักดิ์ ชูเย็น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนราธิวาส เป็นประธาน พ.ท.ปรีชา รุ่งเมือง หัวหน้า สพท.กอ.รมน.ภาค 4 สน.กำลังพลจาก ร.151 พัน1 และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมประเพณีกวนข้าวมธุปายาส(ข้าวทิพย์) เพื่อถวายเป็นพระพุทธบูชาใน วัน“วิสาขบูชา”ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่11 พฤษภาคม 2568 เพื่ออนุรักษ์ประเพณีและศิลปะที่บรรพบุรุษสร้างไว้เป็นแบบอย่างให้กับลูกหลานเยาวชนคนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อไปอย่างยั่งยืน      

ผอ.กรีฑา แดงดี รองประธานสมาพันธ์ไทยพุทธ กล่าวว่า ดีใจมากๆที่นายอำเภอเมืองที่ได้มาเยี่ยมที่บูทเรา เป็นการออกโรงทานครั้งใหญ่ ในรอบปีเพราะในเรื่อง วันวิสาขบูชา  ประเพณีต่างๆในรอบของพุทธศาสนานี้ วันวิสาขบูชา เจ้าภาพหลักของ4 จังหวัด จะจัดที่วัดพระพุทธมณฑลจังหวัดนราธิวาส กิจกรรมที่เราเสริมจากการที่คณะกรรมการ วัฒนธรรมจังหวัดหรือ สำนักพุทธ หรือว่า ศอ.บต. ได้ดำเนินการในวันนี้เราได้เพิ่มกิจกรรมประเพณีกวนข้าว “มธุปายาส” หรือว่าข้าวทิพย์ เราจัดขึ้นครั้งแรก ในรอบ6 ปี ลักษณะการกวนข้าวมธุปายาส ก็มีลักษณะเหมือนกับการกวนอาซูรอของชาวพี่น้องมุสลิม คือต้องใช้เวลากวนเกือบ8 ชั่วโมง เริ่มทำพิธีพราหมณ์ก่อนและก็มีพระภิกษุสงค์มาสวด ตามพิธีการทุกอย่าง

และก็มีเด็กๆที่มากวนข้าวมธุปายาส ตามพิธีนั้น เด็กที่จะมากวนได้นั้น ต้องเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์เท่านั้น จำนวน 12 คนแต่งชุดขาวห่มขาวมาร่วมพิธีเปิดกวนก่อน หลังจากนั้นถึงจะมีพี่น้องพุทธมากวนอีกทีจนเสร็จก็กิจกรรมนี้เราจะต้องทำให้เกิดขึ้นในทุกๆปีของวัน “วิสาขบูชา” ผมคิดว่ากิจกรรมนี้สำคัญสุด ครั้งที่แล้ว ผมจัดกิจกรรมประกวดสรภัญญะ ครั้งที่แล้วผมเปิดการประกวดเรียงความ เรามีนักเรียนที่เป็นชาวมุสลิมเข้าประกวดเรียงความและได้รับรางวัลที่3 ในจำนวนนักเรียนที่เข้าประกวดที่นับถือศาสนาพุทธ 10 คน

ผมก็ดีใจที่น้องๆนักเรียนที่ต่างศาสนิกมาร่วมแล้วได้รางวัล ผมคิดว่าการที่เปิดโอกาสนักเรียนที่เป็นพี่น้องมุสลิมเข้ามาร่วมกิจกรรมถือว่าเป็นพหุวัฒนธรรม หรือถึงแม้พี่น้องชาวมุสลิมจะไม่มาโดยตรง  เราก็สามารถมาโดยทางอ้อม ก็พยายามที่จะหาสรรพสิ่งต่างๆที่เกิดความปองดองความสามัคคีในเรื่อง “พหุวัฒนธรรม” ด้วยครับ

นายรุสดี นายอำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้มีโอกาสมาเยี่ยม ในกิจกรรมสัปดาห์วันวิสาขบูชา ซึ่งช่วงเช้าได้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นน้องๆนักเรียนที่เข้าประกวดกิจกรรมสรภัญญะ (เรียงความ) ที่มาจาก 4 จังหวัดภาคใต้ ยะลา นราธิวาส ปัตตานีและจังหวัดสงขลา ในพิธีพุทธศาสนาที่ดีงามในกิจกรรมในวันนี้ ส่วนมาตรการการดูแลความปลอดภัยในครั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจเพราะว่า จังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้มอบแนวทาง นโยบายให้กับทุกภาคส่วนดูแลรักษาความปลอดภัยทุกพื้นที่

ส่วนทางอำเภอเองก็ได้ร่วมกับทางหน่วยกำลังในพื้นที่ในการพูดคุยวางมาตรการในการรักษาความปลอดภัยขอให้พวกเรามั่นใจว่า เราสามารถ ใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขและถ้ามีเหตุไม่สบายใจท่านสามารถที่จะแจ้งประสานมายังหน่วยกำลังที่อยู่ใกล้เคียงกับท่าน สามารถไปบอกไปแจ้งให้หน่วยช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ของพวกเราได้ ยิ่งช่วงนี้ใกล้เปิดภาคเรียน เราก็มีมาตรการรักษาความปลอดภัยคุ้มครองครู ในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล ในการให้ความปลอดภัยให้กับประชาชน ให้ได้มีชีวิตตามปกติสุขครับ        

 วิธีทำข้าวมธุปายาส
1. นำ ข้าวสาร ข้าวเหนียว ลงไปแช่ให้พองตัว 2. ขูด มะพร้าว ให้เพียงพอ แล้ว คั้นกะทิ เตรียมไว้ 3. นำ ถั่ว และ งา มาล้างให้สะอาด
4. อุ่นกระทะร้อน หม้อ หรือเตาอั้งโล่ 5. นำ ข้าวสาร ข้าวเหนียว ที่แช่จนพองตัวแล้วมาซาวน้ำให้สะเด็ด เสร็จนำไปนิ่งต่อจนสุก
6. เมื่อกระทะร้อน ให้เท น้ำกะทิ ลงไป คนจน เดือดแล้วนำ น้ำอ้อย น้ำตาล น้ำผึ้ง และ นม เทลงไป 7. เมื่อกวนจนน้ำตาล น้ำอ้อยละลายได้ที่แล้วให้นำ ข้าวสก ลงไปคน เพื่อให้ข้าวและกะทิเข้ากันอย่างดี ต่อมาให้ใส่ ถั่ว งา ต่างๆ ลงไป กวนสลับกันไปมาเพื่อไม่ให้ไหม้กันกระทะ เพราะไม่เช่นนั้นข้าวมธุปายาสจะไม่อร่อยเท่าที่ควร 8. กวนจนได้ที่แล้ว ให้เทลงไปใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ประวัติ “ ข้าวมธุปายาส ” นั้นมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล คือตอนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเดือนเพ็ญวิสาขะหรือวันเพ็ญเดือนหก พระองค์ได้รับข้าวหุงด้วยน้ำผึ้งน้ำอ้อย จากนางสุชาดา ภรรยาของคฤหบดีเมืองมคธนำมาถวายเพื่อการบูชาเทพยดา ณ ต้นโพธิพฤกษ์ ซึ่งนางปรารถนาอยากได้บุตรชายไว้สืบสกุลสักคน เพราะแต่งงานหลายปีแล้วยังไม่มีบุตร นางจึงอธิษฐานใต้ต้นศรีมหาโพธิพฤกษ์ เมื่อนางอธิษฐานเสร็จ กลับไปอยู่กับสามีไม่นานก็ตั้งครรภ์ นางสุชาดารำลึกถึงคำอธิษฐานที่นางได้ขอกับเทพยดา จึงทำการหุงข้าวมธุปายาส ซึ่งประกอบด้วย ข้าว ถั่ว งา น้ำตาล น้ำผึ้ง มะพร้าว เป็นต้น ทำอย่างประณีตแล้วใส่ถาดทองประดับด้วยดอกไม้อย่างสวยงามเดินทางออกจากบ้านพร้อมด้วยทาสีมุ่งสู่ต้นโพธิพฤกษ์
     

ความสำคัญของการถวายข้าวมธุปายาส
     
1. เป็นการปฏิบัติตามพุทธประเพณี 2. เป็นการบูชาพระเจ้าในวันเพ็ญเดือนยี่ เดือนสี่ และวิสาขบูชา 3. เป็นการรำลึกถึงวันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 4. เป็นการสร้างสามัคดีในกลุ่มชนเนื่องจากมีการประกอบพิธีกรรมด้วย 5. เป็นการเรียนรู้ในการทำขนมหรือข้าวมธุปายาส 6. เป็นการถวายผลิตผลที่คนในท้องถิ่นช่วยกันสร้างขึ้นมา 7. เป็นการอนุรักษ์ประเพณีและศิลปะที่บรรพบุรุษสร้างไว้ยืนยงอยู่ตลอดไป

ประเพณีกวนข้าวมธุปายาส
      
1.เป็นพิธีพราหมณ์ที่นำมาประยุกต์กับวิถีพุทธ กระทำในเดือน 10 ตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา ชาวภาคกลางนิยมทำในวันวิสาขบูชา ส่วนชาวอีสานนิยมทำก่อนวันออกพรรษาหนึ่งวันเพื่อรับเสด็จพระพุทธองค์จากการจำพรรษาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
      
2.ประเพณีกวนข้าวทิพย์สืบย้อนไปได้ถึงสมัยพุทธกาล เกิดขึ้นจากนางสุชาดได้ปรุง"ข้าวมธุปายาส"ถวายพระพุทธองค์ก่อนจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับแต่นั้นมาข้าวมธุปายาสจึงถูกเรียกว่า"ข้าวทิพย์"

3.พิธีกวนข้าวทิพย์ นำโดยการนำข้าวที่ยังเป็นน้ำนม (เพิ่งออกรวงใหม่เมล็ดยังเป็นแป้ง) กวนรวมกับเครื่องปรุงมงคล ได้แก่ นม เนย ถั่ว งา น้ำอ้อย น้ำตาล น้ำผึ้ง และผลไม้ แล้วกวนให้ข้าวสุกจนเหนียวโดยสาวพรหมจรรย์
        
โดย...แวดาโอ๊ะ หะไร/ นางสาวอัสมา บินมะนุ รายงาน/ข่าว/ภาพ