กว่า 70 ปี ยางพาราไทย ไร้พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ ด้อยคุณภาพ ฉุดราคาตกต่ำ
สหพันธ์ชาวสวนยางไทย ชี้ ต้องเปลี่ยนพันธ์ยาง “ตัวปัญหาใหญ่ยาง” ระบุ เวลา 9 ปี ทางการไม่ประกาศยกระดับ และลดขั้น RRIM 600 ที่มีผลผลิต 220 กก. เป็นขั้น 3 แล้วยกระดับยางศูนย์วิจัย 3904 ฯลฯ ที่มีผลผลิต 400 กก. วอน รมว.เกษตรสั่งการจะแก้ไขปัญหาชาวสวนยางได้ดี
ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือยื่นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เรื่องเกี่ยวกับกับยางพารไทย ทั้งนี้จากที่ประชุมของสหพันธ์ ครั้งที่ 3/2568 เดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา จากประเด็นที่ชาวสวนยางจะสามารถได้เพิ่มผลผลิตและจะได้ลดต้นทุนการผลิตยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเรื่องนี้ยังได้นำเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยางธรรมชาติแห่งประเทยไทย (กนย.) ไปแล้ว
เช่น คือการปรับขั้นพันธ์ยาง RRIM 600 ที่ปลูกในประเทศไทยมา 50 ปีแล้ว ซึ่งสายพันธุ์นี้เป็นต้นกำเนิดของประเทศมาเลเซีย โดยมีการปลูกในประเทศไทยถึง 70 % ขณะที่ประเทศมาเลเซีย ได้มีการสั่งห้ามปลูกไปแล้วและขณะเดียวกันก็ยังสามารถสั่งนำเข้าอีทีฟอนพลัส E THEFHON PLUS 5 % ของประเทศมาเลเซีย เพื่อยางพันธ์ RRIM 600 ทั้งนี้เพื่อยางได้เพิ่มผลผลิตน้ำยาง ขึ้นมาประมาณ 1 เท่าตัว ที่จะทำให้ราคายางไทย มีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ และจะไม่ได้รับความผลกระทบความเดือดร้อน ไปจนถึงเวลาต้นยางมีอายุครบ 25 ปี จนกว่าจะมีการปลูกแทนด้วยพันธุ์ใหม่ซึ่งจะเป็นการรักษเสถียรภาพราคายางโดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณจากรัฐบาลในการประกันรายได้หรือการแทรกแซงราคาที่มักจะประสบกับภาวะที่ขาดทุน
ดร.อุทัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาระเทศมาเลเซีย ได้ประกาศให้ยางพันธุ์ RRIM 600 ปรับเป็นขั้น 2 มาเป็นระยะเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว มีสาเหตุมาจากที่ให้ผลผลิตต่ำโดยให้ผลผลิตประมาณสูงสุดเพียง 220 กก. / ปี / ไร่ อีกทั้งยังไม่มีความทนทานต่อโรคใบร่วงอีกด้วย แต่ปรากฏว่าทางการของไทย ก็ยังไม่มีการปรับลดขั้นยางพันธุ์ RRIM 600 เพื่อให้เกษตรกรได้ตระหนักผลที่จะได้รับแต่อย่างใด
ดร.อุทัย กล่าวอีกว่า ในทางกลับกันยางพันธุ์ใหม่ ที่สถาบันวิจัยยาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น ยางพันธุ์ 3904 ที่ให้ผลผลิตถึง 400 กก. / ไร่ / ปี และยังมีความสามารถทนทานต่อโรคใบร่วงด้วย ทางการกลับยังไม่มีการประกาศเป็นยางขั้น 3 ใหม่โดยพันธุ์ยางสถาบันวิจัยยาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีทั้งยางพันธุ์ 253, 3802, FB 235 PB 260 AVRO 52037, FB M3
“สาเหตุเพราะว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ไม่มีซึ่งอำนาจที่จะประกาศยางพันธุ์ใหม่ได้ เพราะอำนาจการประกาศตาม พรบ.ควบตคุมยาง พศ. 2542 นั้นขึ้นอยู่กับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งโดยปกติจะต้องมีการประกาศทุก 4 ปี แต่ปัจจุบันเป็นระยะเวลา 9 ปี มาแล้ว ยังไม่มีการประกาศแต่อย่างใด”
ดร.อุทัย กล่าวอีกว่า ทางสมาคมสหพันธุ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จึงได้นำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้มีอำนาจตาม พรบ.ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 จึงเห็นว่าควรสั่งการทางกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยังต้องลดขั้นพันธุ์ยาง RRIM 600 ด้วยเป็นยางขั้น 3 เพื่อเกษตรกรจะได้ตระหนักถึงผลที่มีข้อจำกัด ซึ่งยางพันธุ์ RRIM 600 ที่ปลูกถึง 70 % ทั้งประเทศ และเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ที่ยางพาราประสบปัญหามาร่วม 30 ปี.
